9 อันดับแอร์ยี่ห้อไหนดี เย็นฉ่ำแถมประหยัดไฟของปี 2023

บ้านติฟูลได้นำรีวิวแอร์ยี่ห้อไหนดี ของปี 2023 ที่น่าซื้อเพราะมีความคุ้มค่าให้ลมเย็นฉ่ำกินไฟต่ำด้วยมาให้คุณได้ตัดสินใจเลือกซื้อซื้อแล้วในบทความนี้! พร้อมแชร์วิธีการเลือกซื้อแอร์ที่เข้าใจง่าย รับรองช่วยคุณตัดสินใจได้ทันที

โดยแอร์ที่เราได้นำมารีวิวนั้นเป็นแอร์ประเภทติดผนังที่เรามักจะเห็นได้ตามบ้านเรือน อาคาร สำนักงาน หรือร้านกาแฟเป็นต้นไป ซึ่งเราคิดว่าหลายๆคงกำลังมองหาเจ้าแอร์ตัวนี้สักเครื่องไว้ใช้ที่บ้าน มีแอร์ยี่ห้อไหนรุ่นไหนน่าใช้บ้างตามไปอ่านรีวิวจากบ้านติฟูลได้เลย 

	แอร์ระบบ Non-inventer ตัวไหนน่าซื้อที่สุด: Toshiba Magic Cool รุ่น RAS-13PKSG-T ซื้อได้ที่ Lazada , Shopee
	แอร์ระบบ Inventer ที่แนะนำ: TCL Inverter Elite Series รุ่น TAC-IVX22 ซื้อได้ที่ Lazada , Shopee
	แอร์ขนาดเล็กตัวไหนดี: Mitsubishi Electric Happy Inverter รุ่น MSY-KT09VF ซื้อได้ที่ Lazada , Shopee
	แอร์ใหญ่กินไฟน้อย: Daikin Super Cool รุ่น FTKQ24WV2S ซื้อได้ที่ Lazada , Shopee

รีวิวเครื่องปรับอากาศยี่ห้อไหนดี รุ่นไหนปัง 

1.Toshiba Magic Cool รุ่น RAS-13PKSG-T

ประเภทแอร์: Fixed Speed       ขนาด BTU: 12,200  ค่า SEER: 13.45                     อัตราการกินไฟต่อปี: 10,489 บาท ฉลากเบอร์ 5: ไม่มีดาว ระดับเสียง: 27-42 dB น้ำยาทำความเย็น: R32 ประกัน: อะไหล่ 3 ปี,คอมเพรสเซอร์ 7 ปี

กำลังมองหาแอร์ติดผนังในแบบที่ไม่ใช่ Non-Inventer อยู่หรือเปล่า? ถ้าหากใช่ เราอยากอยากบอกว่าโตชิบารุ่น RAS-13PKSG-Tเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจเอามากๆเลยค่ะ 

เพราะเขามีฟังก์ชั่นพิเศษมากมายพร้อมกับราคาที่อยู่ในเรทประหยัด เราจึงขอยกให้เป็นอันดับหนึ่งในแอร์ยี่ห้อไหนดีคุ้มค่าและควรซื้อของปีนี้

ต้องขอบอกเลยว่าแอร์ตัวนี้นอกจากจะให้แอร์เย็นฉ่ำๆแล้วเขายังมีแผ่นกรองสำหรับฟอกอากาศให้บริสุทธิ์สดชื่นอยู่ตลอดเวลาในขณะที่เครื่องทำงานอยู่ด้วยซึ่งถือว่ามันตอบโจทย์ได้ดีโดยเฉพาะในช่วงฝุ่นควัน PM2.5 

รวมไปถึงช่วยยืดระยะเวลาการทำความสะอาดได้เพราะแผงคอยล์ถูกเคลือบด้วยสารเกาะติดช่วยลดการเกิดคราบสกปรกได้ ที่สำคัญเลยคือเขามีระบบ Self Cleaning กำจัดความชื้นที่เกิดขึ้นบนตัวคอยล์ได้อัตโนมัติ

ในด้านของฟังก์ชั่นการทำงานมีโหมดปรับส่ายปรับแรงลมลมที่หลากหลายปรับออโต้ได้ โหมด Eco และโหมด Hi power ที่ช่วยเร่งทำความเย็นให้เร็วขึ้นในวันที่อากาศร้อน 

2.TCL Inverter Elite Series รุ่น TAC-IVX22

ประเภทแอร์: Inventer ขนาด BTU: 22,000 ค่า SEER: 17              อัตราการกินไฟต่อปี: 14,964 บาท ฉลากเบอร์ 5: ไม่มี ดาวระดับเสียง: 43-51 dB น้ำยาทำความเย็น: R32 ประกัน: 5 ปี

หากคุณกำลังมองหาแอร์ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นมา TCL ในรุ่น Inverter Elite Series เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดแล้วในตอนนี้ 

เนื่องจากเป็นแอร์ระบบ Inventer ขนาด 22,000 BTU ที่ประหยัดประหยัดพลังงาน กินไฟน้อย แถมตัวคอมเพรสเซอร์ยังทำงานได้เร็วต่ำสุดที่ 18°C ภายใน 30 วินาที!

ลมไหลกระจายรอบด้านในรูปแบบ 3D พร้อมการไหลเวียนของอากาศแบบ ‘ฝักบัวอาบน้ำ’ คือลมอุ่นจะไหลลงด้านล่างและไม่ได้ส่งอากาศเย็นกระทบโดยตรง

ข้อดีของมันคือช่วยปกป้องการเกิดอาการคัดจมูกได้ซึ่งนับว่าเป็นจุดเด่นที่น่าพิจรณามากๆ 

แถมยังมี Filter กรองอากาศเพิ่มพิเศษขึ้นมาคือ Filter คาร์บอนที่ช่วยกรองแบคทีเรียและกลิ่นเหม็นที่เกิดขึ้นภายในบ้านให้ฟิลทั้งแอร์และเครื่องฟอกอากาศได้ภายในตัวเดียว นอกจากยังมีโหมดการทำงานที่สำคัญอย่างโหมดประหยัดพลังงานรวมไปถึงโหมดเร่งความเร็วด้วย 

สิ่งที่ชอบในแอร์รุ่นนี้คือที่ตัวเครื่องมีหน้าจอแสดงผลข้อมูลการทำงาน อย่างอุณหภูมิและโหมดการทำงาน แต่อย่างไรก็ตามคุณสามารถปิดฟังก์ชั่นนี้ได้หากไม่ต้องการ 

3.Daikin Super Cool รุ่น FTKQ24WV2S

ประเภทแอร์: Inventer ขนาด BTU: 20,500 ค่า SEER: 17.49              อัตราการกินไฟต่อปี: 13,553 บาท ฉลากเบอร์ 5: ไม่มีดาว ระดับเสียง: 31-45 dB น้ำยาทำความเย็น: R32 ประกัน: อะไหล่ 1 ปี,คอมเพรสเซอร์ 5 ปี

แอร์ไดกิ้นระบบ Inventer เป็นแอร์ที่น่าใช้งานเช่นเดียวกันแต่ต้องบอกก่อนเลยว่าตัวโมเดลนี้จะค่อนข้างแพงกว่ารุ่นอื่นๆ แต่ถ้าให้พูดถึงเรื่องคุณภาพ การทำงาน และความน่าเชื่อถือแล้วมันก็เป็นอะไรที่น่าซื้อค่ะ เพราะเมื่อเรามีแอร์ที่ดีสักตัวมันก็จะอยู่คู่บ้านเราไปอีกนานเลย 

ความโดดเด่นของรุ่นนี้คือตัวคอมเพรสเซอร์พิเศษจากไดกิ้นที่ไม่เหมือนแอร์ในระบบอินเวนเตอร์ในยี่ห้ออื่นๆ นั่นก็เป็นเพราะว่าเป็นคอมเพรสเซอร์แบบสวิง ที่มีความพิเศษคือช่วยลดแรงการสั่นสะเทือนซึ่งอาจนำมาของการเกิดการรั่วไหลของน้ำยาแอร์ 

รวมไปถึงหน้ากาก Coanda ที่ช่วยทำให้ลมไหลผ่านในตัวห้องได้ทั่วถึงและเย็นเร็ว มีลมเป่าไล่ความอับชื้นเพื่อป้องกันการสะสมของเชื้อราและแบคทีเรีย

แผ่นกรองอากาศช่วยปกป้องฝุ่นควันรวมไปถึง Enzyme Blue ตัวช่วยไปยับยั้งกลิ่นเหม็น สารก่อภูมิแพ้และแบคทีเรียที่เข้ามาในอากาศอีกด้วย

4.Mitsubishi Electric Happy Inverter รุ่น MSY-KT09VF

ประเภทแอร์: Inventer ขนาด BTU: 9,212 ค่า SEER: 17.47                อัตราการกินไฟต่อปี: 6,097 บาท ฉลากเบอร์ 5: ไม่มีดาว ระดับเสียง: 19-37 dB น้ำยาทำความเย็น: R32 ประกัน: อะไหล่ 1 ปี,คอมเพรสเซอร์ 5 ปี

ถ้าให้พูดถึงแอร์ยี่ห้อไหนดีแล้วคงจะไม่พ้นแอร์ยี่ห้อมิตซูบิชิเป็นอย่างแน่นอน เนื่องจากแอร์ยี่ห้อนี้มีชื่อเสียงโด่งดังโดยเจ้าตัว Happy Inventer เป็นรุ่นที่เขาเคลมมาแล้วว่า ‘ความเย็นสบาย ที่มาพร้อมกับความคุ้มค่า’ 

ด้วยค่า SEER ที่สูง อัตราการกินไฟต่ำ ค่าไฟต่อเดือนจึงถือว่าถูกมากๆ ดังนั้นหากคุณกำลังมองหาแอร์ยี่ห้อไหนดีขนาดเล็กเย็นฉ่ำสบาย และประหยัดค่าไฟ Happy inventer รุ่น MSY-KT09VF นี่แหละใช่เลย 

ที่สำคัญเขามีแผ่น Plasma Quad Connect เป็นเทคโนโลยีฟอกอากาศช่วยยับยั้งและดักจับสิ่งเจือปนในอากาศขนาดเล็กด้วยประจุไฟฟ้า ช่วยปกป้องคุณจากเชื้อไวรัส เชื้อรา สารก่อภูมิแพ้ ไรฝุ่น รวมไปถึงควัน PM2.5 ได้เหมือนกัน

5.Carrier Luna รุ่น 42AAF010-A

ประเภทแอร์: Fixed Speed  ขนาด BTU: 9,200 ค่า SEER: 13.96              อัตราการกินไฟต่อปี: 7,620 บาท ฉลากเบอร์ 5: 1 ดาว ระดับเสียง: 26-39 dB น้ำยาทำความเย็น: R32 ประกัน: อะไหล่ 3 ปี,คอมเพรสเซอร์ 7 ปี

แอร์แคร์เรียรุ่นลูน่าในขนาด 9,200 BTU เล็กแต่ให้ลมกระจายได้รอบด้านซ้ายขวาและขึ้นลง พร้อมส่งแรงลมไปยังห้องทำให้ได้แอร์เย็นๆฉ่ำๆทนทาน ในราคาย่อมเยา 

อีกทั้งเจ้าตัวนี้ยังติดดาว 1 ดาวในฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 จึงเป็นตัวการันตีได้ว่าแอร์แบบ Non-inventer รุ่นนี้ช่วยคุณเซฟค่าไฟได้แน่นอน 

ตัวคอยล์ร้อนและเย็นเคลือบสารพิเศษที่มีชื่อว่า Hydro-phillic Gold Coated Fin ซึ่งเป็นตัวช่วยปกป้องแอร์ให้มีความทนทานสามารถทนต่อทุกสภาพอากาศในประเทศไทยได้ดี พร้อมทำความสะอาดคอยล์เย็นเองโดยอัตโนมัติ 

ในรุ่นนี้ก็มาพร้อมกับแผ่นฟอกอากาศแบบพิเศษ Electrostatic IFD filter ที่จะช่วยกรองฝุ่นและให้ความเย็นที่สะอาดได้ด้วยเช่นกัน 

เอาเป็นว่าถ้าคุณกำลังเล็งๆแอร์ยี่ห้อไหนดีระบบทั่วไปแต่ประหยัดไฟ แถมกรองอากาศได้ด้วย LUNA ในรุ่น 42AAF010-A ตอบโจทย์คุณแน่นอนค่ะ 

6.Mitsubishi Heavy Duty รุ่น SRK13CXV-W1

ประเภทแอร์: Fixed Speed  ขนาด BTU: 12,262 ค่า SEER: 13.23           อัตราการกินไฟต่อปี: 10,717 บาท ฉลากเบอร์ 5: ไม่มีดาว ระดับเสียง: 33-41 dB น้ำยาทำความเย็น: R32 ประกัน: 5 ปี

แอร์ระบบธรรมดาที่อยากแนะนำจากยี่ห้อมิตซูบิชิ แค่ชื่อ Heavy Duty ก็ฟังดูถึก ทนทาน น่าใช้งานแล้วใช่ไหมหล่ะ? โดยขนาดที่เราได้คัดเลือกมาจะอยู่ที่ 12,262 BTU ซึ่งเป็นขนาดที่คนส่วนใหญ่นิยมซื้อ 

มาพร้อมกับแผ่นกรองอากาศ Nano ที่ช่วยดักจับฝุ่น PM2.5 และเสริมด้วยแผ่นกรอง Photocatalytic Washable Deodorizing filter เป็นตัวที่จะไปยับยั้งกลิ่นไม่พึงประสงค์ที่เกิดขึ้นภายในห้องได้ อีกทั้งยังมีฟังก์ชั่นปล่อยประจุไอออนลบดักจับอากาศเปลี่ยนอากาศให้สดชื่นมากยิ่งขึ้น

ในด้านของการทำงานมีเทคโนโลยี Jet Flow เป็นเทคโนโลยีเดียวกับใบพัดในเครื่องยนต์เจ็ทส่งลมกระจายรอบห้องได้ไกลสุดถึง 17 เมตร พร้อมโหมด Hi Power ที่เร่งความเย็นตามที่ต้องการได้ภายใน 15 นาที ตัวคอยล์เย็นจะทำความสะอาดหรือเป่าแห้งเองได้ในตัวหลังจากจบการทำงาน

7.Midea MSVS ซีรีย์ รุ่น MSVS-18CRDN8-SC6

ประเภทแอร์: Inventerขนาด BTU: 18,900 ค่า SEER: 19.75              อัตราการกินไฟต่อปี: 11,066 บาท ฉลากเบอร์ 5: 1 ดาว ระดับเสียง: ไม่ระบุ น้ำยาทำความเย็น: R32 ประกัน: อะไหล่ 5 ปี,คอมเพรสเซอร์ 7 ปี

ไมเดีย MSVS ซีรีย์รุ่นขนาด 18,900 BTU เป็นอีกตัวที่ได้รับฉลากเบอร์ 5 ที่ติด 1 ดาว รับประกันว่าเป็นรุ่นที่มีความคุ้มค่าและประหยัดไฟ มาพร้อมกับฟังก์ชั่นการทำงานที่ครบครัน 

อันได้แก่ โหมด iECO ซึ่งเป็นตัวช่วยให้คุณประหยัดพลังงานยิ่งขึ้นตลอดระยะ 8 ชั่วโมง,โหมด Turbo และโหมด iSense  เป็นระบบปรับอากาศอัตโนม้ติ เพื่อรักษาระดับความเย็นให้เหมาะสมไม่หนาวหรือร้อนมากจนเกินไป

ใน Midea MSVS ซีรีย์นี้ก็มีแผ่นกรองอากาศ Cold Catalyst Filter ที่นอกจากจะกรองอากาศภายในห้องให้บริษุทธิ์แล้วยังช่วยดูดซับสารพิษชนิดต่างๆด้วย

8.TCL Miracle Series รุ่น MAC-19FS 

ประเภทแอร์: Fixed Speed ขนาด BTU: 18,100 ค่า SEER: 13.00           อัตราการกินไฟต่อปี: 16,100 บาท ฉลากเบอร์ 5: ไม่มีดาว ระดับเสียง: 39-47 dB น้ำยาทำความเย็น: R32 ประกัน: 10 ปี

TCL Miracle Series เป็นอีกตัวที่น่าสนใจ หากต้องการแอร์ทำความเย็นระบบทั่วไป และมีราคาที่ไม่แพงหากคุณกำลังมองหาแอร์ยี่ห้อไหนดีราคาถูกๆ สบายกระเป๋า 

แต่ให้ความเย็นได้ดีเหมือนเครื่องปรับอากาศตัวอื่นๆและ TCL ก็เป็นยี่ห้อที่น่าไว้วางใจ มั่นใจในบริการหลังการขาย 

ตัวแอร์ปล่อยกระจายลมได้ทั่วห้องในแบบ 3D กระจายทั่วทิศทางขึ้นลงและซ้ายขวา ที่สำคัญแอร์จาก TCL นั้นยังถูกออกแบบมาให้หลีกเลี่ยงการเกิดอาการคัดจมูกเมื่อเปิดแอร์นานๆ ทำความเย็นได้เร็วภายใน 30 วินาที 

มีฟังก์ชั่นไฟหน้าจอ LED เสริมสำหรับการแสดงผลการทำงาน ทำความสะอาดความชื้นเองได้ ภายในมี TITAN GOLD FINS ลิขสิทธิ์เฉพาะจากแบรนด์ 

เป็นแผ่นฟินที่ทำจากอลูมิเนียมเคลือบสาร Titan Gold มีคุณสมบัติในการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำความเย็น ประหยัดพลังงาน ยับยั้งเชื้อแบคทีเรียเป็นส่วนหนึ่งที่จะทำให้อากาศสดชื่นขึ้นและดีกว่าแผ่นฟินอลูมิเนียมทั่วไปแน่นอน

9. Midea MDV Aurora รุ่น MDVG-12CRN8-QC6

ประเภทแอร์: Fixed Speed ขนาด BTU: 12,300 ค่า SEER: 13.45                 อัตราการกินไฟต่อปี: 10,575 บาท ฉลากเบอร์ 5: ไม่มีดาว ระดับเสียง: สูงสุด 39.5 dB น้ำยาทำความเย็น: R32 ประกัน: อะไหล่ 5 ปี,คอมเพรสเซอร์ 7 ปี

แอร์ระบบทั่วไปจากไมเดียแบรนด์สัญชาติจีนที่มาแรง โดยเจ้าตัวแอร์รุ่น MDVG-12CRN8-QC6 นั้นมีตัวกรองอากาศ 2 ชั้น กรองฝุ่นขนาดเล็กถึง 0.3 ไมครอน 

ช่วยกำจัดสิ่งแปลกปลอมและสารอันตรายต่างๆที่ติดอยู่ภายในห้อง แผงคอยล์เคลือบสารป้องกันคราบเกาะติด ลดการเกิดสนิม ซึ่งจะช่วยยืดอายุการใช้งานไปได้อีกนาน 

มีโหมด Turbo เร่งความเร็วลมให้เย็นทันใจ มีโหมดตั้งเวลาเปิดปิดแอร์รวมไปถึงโหมด Sleep ตัวช่วยในการปรับอุณหภูมิอัตโนมัติในขณะนอนหลับและยังประหยัดพลังงานแม้เปิดติดต่อกันนานมากกว่า 8 ชั่วโมง หากคุณสนใจแอร์ราคาประหยัดไมเดียเป็นทางเลือกที่ควรพิจรณาเช่นกัน 

การเลือกซื้อแอร์ติดผนังสำหรับใช้งานในบ้าน

ข้างล่างนี้เป็นไอเดียสำหรับการตัดสินใจในการเลือกซื้อเครื่องปรับอากาศอย่างชาญฉลาด ซึ่งจะช่วยให้คุณได้แอร์ดีๆไว้ติดบ้านและไม่ผิดหวัง 

ตรวจสอบขนาดห้องที่ต้องการนำแอร์ไปติดตั้งและขนาด BTU 

อยากได้แอร์เย็นๆดีๆสักตัวคุณจำเป็นที่จะต้องเช็คขนาดของห้องเพื่อให้สัมพันธ์กับตัวเครื่องปรับอากาศที่ตั้งใจซื้อด้วย โดยเลือกแอร์ที่มีค่า BTU ที่เหมาะสมต่อขนาดของห้อง 

BTU ย่อมาจากคำว่า British Thermal Unit คือหน่วยที่แสดงความสามารถในการถ่ายเทความร้อน เพราะหากซื้อแอร์ที่มี BTU ต่ำ ในขณะที่ห้องกว้างมากๆ ส่งผลให้มันทำงานไม่เต็มประสิทธิภาพและอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้แอร์ไม่เย็นก็ได้

ตารางข้างล้างนี้เป็นไอเดียในการเลือกซื้อ BTU ของแอร์ที่เหมาะกับขนาดห้องปกติและห้องที่โดนแสงแดดมากขึ้นมาหน่อย

ขนาด BTU	ขนาดห้องปกติ (ตร.ม.)	ขนาดห้องที่โดนแดด (ตร.ม.)
9,000	12-15	11-14
12,000	16-20	14-18
18,000	24-30	21-27
21,000	28-35	25-32
24,000	32-40	28-36
25,000	35-44	30-39
30,000	40-50	35-45
35,000	48-60	42-54
48,000	64-80	56-72
80,000	80-100	70-90

อ้างอิงจากซัมซูงไทยแลนด์ 

แอร์ regular และ Inventer คืออะไร ต่างกันยังไงและควรซื้อแบบไหนดี? 

แอร์ทั้ง 2 ประเภทนี้เป็นเทคโนโลยีแอร์หลักที่มักจะพบเห็นตามท้องตลาด ในขณะที่พวกมันจะมีรูปร่างหน้าตาและองค์ประกอบภายในที่คล้ายคลึงกันแต่แอร์ทั้งสองประเภทนี้ก็มีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน ซึ่งข้างล่างนี้จะช่วยอธิบายให้เห็นภาพโดยรวมได้ 

แอร์ระบบ Regular 

Fixed Speed หรือ Non-Inventer เป็นแอร์ทั่วๆไป “เปิดปุ๊ปเย็นปั๊บ” ตัวคอมเพรสเซอร์จะทำงานเรื่อยๆจนถึงอุณหูมิที่ถูกตั้งค่าไว้จากนั้นเครื่องก็จะหยุดทำงาน เมื่ออุณหภูมิในห้องสูงขึ้นเจ้าตัวคอมเพรสเซอร์ก็จะกลับมาทำงานอีกครั้ง  ปิดๆ เปิดๆ แบบนี้วนไปเรื่อยๆ 

ซึ่งถ้าคุณชอบเปิดแอร์นานหลายชั่วโมง แอร์ประเภทนี้จะใช้พลังงานมากกว่าแบบ Inventer ส่งผลให้กินไฟมากกว่า อย่างไรก็ตามแอร์ประเภทนี้ก็มีฉลากเบอร์ 5 ที่รอบรับประหยัดไฟด้วยเช่นกัน 

แอร์ระบบ Inventer 

ในแอร์ระบบ Inventer นั้นเป็นทางเลือกที่ “ประหยัดพลังงาน” ได้ดีกว่าแบบแอร์ทั่วไปเป็นอย่างมาก จึงเหมาะกับบ้านไหนที่ต้องการใช้แอร์เปิดนานๆแต่ไม่เปลืองค่าไฟ เนื่องจากมีตัวคอมเพรสเซอร์จะปรับเปลี่ยนเองอัตโนมัติ 

กล่าวคือเมื่ออุณหภูมิอยู่ในจุดที่ถูกตั้งค่าไว้ ตัวคอมเพรสเซอร์จะไม่หยุดการทำงาน แต่จะลดระดับพลังงานในอยู่ในระดับที่ยังคงรักษาอุณหภูมิไว้ 

เราไม่สามารถบอกได้ว่าแอร์แบบไหนดีกว่ากัน อยากซื้อแอร์ในราคาที่ไม่แพงมากแอร์แบบ Fixed Speed อาจจะตอบโจทย์ได้มากกว่า หากอยากได้แอร์ยี่ห้อไหนดีที่ประหยัดพลังงานก็ต้องพิจรณาแอร์ที่ใช้ระบบ Inventer 

ทั้งหมดนี้จำเป็นต้องพิจรณาปัจจัยส่วนบุคคลของตัวคุณแล้วหล่ะว่าแอร์ยี่ห้อไหนดีที่เหมาะกับการใช้งานของคุณมากที่สุด 

เลือกซื้อแอร์ที่ประหยัดพลังงาน 

ถ้าหากคุณเห็นถึงความสำคัญของการประหยัดพลังงาน แอร์ระบบ Inventer จะตอบช่วยโจทย์คุณได้อย่างแน่นอน อย่างไรก็ตามไม่ว่าจะเป็นแอร์อินเวนเตอร์หรือแอร์ธรรมดา

สิ่งที่ควรพิจรณาอีกอย่างคือ ฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 ถูกแบ่งออกเป็น ไม่มีดาว,1,2 และ 3 ดาว โดยยิ่งดาวเยอะ แปลว่าประหยัดพลังงานมากกว่า (กินไฟน้อยกว่า) 

รวมไปถึงค่า EER และ SEER ตัวทดสอบค่าประสิทธิภาพในการใช้พลังงานของเครื่องปรับอากาศแต่ละเครื่อง และมีความสำคัญในการพิจรณาในการเลือกซื้อแอร์ยี่ห้อไหนดีเช่นเดียวกัน 

โดยค่า EER (Energy Efficiency Ratio) จะใช้วัดในเครื่องปรับอากาศประเภท Regular และ SEER (Seasonal Energy Efficiency Ratio) ถูกใช้วัดในแอร์ Inventer เมื่อต้องการซื้อแอร์ ดูค่า SEER ด้วยโดยเลือกค่าที่มีตัวเลขสูงๆ 

เลือกซื้อแอร์บ้านที่มีฟังก์ชั่นเพิ่มเติม

เครื่องปรับอากาศในหลายๆยี่ห้อในปัจจุบันได้ถูกพัฒนาให้ตอบโจทย์ของเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน Smart Home จึงมีลูกเล่นที่เพิ่มขึ้น 

อย่างเช่น ระบบ Wifi สั่งงานผ่านแอปพลิเคชั่นหรือการสั่งงานผ่านเสียงได้,ระบบเซนเซอร์ดักจับฝุ่น รวมไปถึงการทำความสะอาดเองภายในตัว (Self Clean) ดังนั้นถ้าหากคุณชื่นชอบความพิเศษเหล่านี้ก็น่าพิจรณามากๆ

ประเภทแอร์ที่มักติดตั้งในบ้าน

นอกจากแอร์ติดผนังที่เราได้แนะนำไปทั้งหมดนี้แล้ว ยังมีแอร์อีก 2 แบบที่ไม่ได้พูดถึงในบทความนี้ได้แก่ แอร์เคลื่อนที่และแอร์แบบแขวน

ถึงแม้จะเป็นเครื่องปรับอากาศที่ให้ความเย็นภายในบ้านได้เหมือนกันแต่จะแตกต่างกันที่วัตถุประสงค์ บ้านติฟูลสรุปให้แล้วว่าแต่ละแบบเหมาะกับการทำงานอย่างไร แอร์แบบไหนที่เหมาะกับคุณ อ่านได้รายละเอียดได้ข้างล่างนี้เลย 

1.แอร์ติดผนัง (wall type)

เป็นแอร์ที่เราคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี เพราะคนส่วนใหญ่นิยมติดตั้งแอร์ประเภทนี้ไว้ที่บ้าน ห้องพัก คอนโดมิเนียม คาเฟ่ ร้านอาหาร ออฟฟิศ หรือในห้องพักโรงแรมตามต่างๆ จึงสามารถติดตั้งในห้องทั่วไปที่มีขนาดใหญ่ได้เป็นอย่างดี 

ข้อดีของมันคือ มีหลายยี่ห้อหลายรุ่นให้เลือกใช้ ในบางรุ่นมีความทันสมัยมาก เพราะถูกพัฒนาให้มีฟังก์ชั่นที่พิเศษเพิ่มขึ้นมา ยกตัวอย่างเช่นสามารถกรองฝุ่นหรือดักจับเชื้อแบคทีเรียได้เหมือนกับเครื่องฟอกอากาศ 

แอร์แบบแขวนผนังยังช่วยประหยัดพื้นที่ได้ดีเพราะมันไม่กีดขวางทางเดินเหมือนแอร์แบบอื่นๆ และยังทำงานเสียงเงียบเบาไม่รบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน 

ส่วนข้อจำกัดของแอร์ประเภทนี้ก็คงไม่พ้นเรื่องของการติดตั้ง ซึ่งจำเป็นต้องมีผู้ที่มีประสบการณ์ในการติดตั้งและอาจจะมีค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ด้วย 

ถึงแม้เครื่องปรับอากาศแบบติดผนังจะไม่ต้องดูแลรักษาเช็ดทำความสะอาดทุกวัน แต่จำเป็นต้องบำรุงรักษาเป็นรายปี โดยต้องล้างแอร์ทุกๆ 1-2 ครั้งโดยผู้เชี่ยวชาญ 

อ่านบทความเพิ่มเติม: 8 เครื่องฟอกอากาศ ยี่ห้อไหนดี? ดักPM2.5 และฆ่าเชื้อโรคได้ของปี 2023

2.แอร์เคลื่อนที่ (Portable Type)

แอร์เคลื่อนที่ ก็คือแอร์ขนาดเล็ก สามารถโยกย้ายเคลื่อนไปตามห้องต่างๆที่เราต้องการได้ โดยแอร์ประเภทนี้มักจะมีล้อเลื่อนเพื่ออำนวยความสะดวกสบายให้แก่ผู้ใช้งาน 

เป็นไอเดียสำหรับการใช้งานในห้องเล็กๆอย่างอย่างห้องพัก สามารถใช้แทนแอร์ขนาดใหญ่อย่างแอร์ติดผนังและแอร์แบบแขวน ได้ลมแอร์เย็นตรงๆ และในบางรุ่นก็มีฟังก์ชั่นเสริมด้วยเช่นกัน 

ข้อดีคือเคลื่อนย้ายได้ง่าย ติดตั้งง่าย ราคาไม่แพงด้วย แถมยังเฟรนลี่ต่อคนอยู่ในห้องพักขนาดเล็ก 

ข้อจำกัดที่พบได้ในแอร์ประเภทนี้คือ BTU จะต่ำกว่าแอร์แบบอื่นๆ ไม่แรงเท่า เกะกะ ใช้พื้นที่เปลือง มีเสียงการทำงานที่ดังกว่าแอร์ติดผนัง และบางตัวจำเป็นต้องต่อท่อระบายลมออกไปข้างน

3.แอร์แขวน (Floor Type)

แอร์ประเภทนี้มีอีกชื่อว่าแอร์หน้าต่าง มีขนาดใหญ่ ให้ลมแรง จึงเหมาะกับการใช้งานในห้องที่มีขนาดใหญ่ๆอย่างห้องประชุมที่กว้างๆซะมากกว่า

หรือหากต้อวงการติดตั้งในบ้านก็ทำได้แต่ไม่ค่อยนิยมเท่าไหร่เพราะแอร์ค่อนข้างดังพอสมควร โดยสามารถติดได้ตามผนังได้เลยจะ(ติดในระดับพื้น) กินพื้นที่มากกว่าแอร์ติดผนังแต่น้อยกว่าแอร์เคลื่อนที่