ในบทความนี้บ้านติฟูลได้นำเอาเครื่องดูดฝุ่นที่เป็นที่นิยมและยังทรงพลัง ดูดฝุ่นได้เนี๊ยบที่สุดของปี 2023 มารีวิวให้คุณได้อ่านและตัดสินใจซื้อได้เร็วมากขึ้นแล้ว
โดยเราจะเน้นไปยังเครื่องดูดฝุ่นแบบมีสายและไร้สาย พร้อมวิธีการเลือกเครื่องดูดฝุ่นที่จำเป็นต่อการใช้งาน
หากคุณพร้อมแล้วเราเริ่มกันเลยดีกว่า..
การเลือกซื้อเครื่องดูดฝุ่นแบบย่อๆ
- เลือกเครื่องดูดฝุ่นแบบมีสายพลังดูดสูงเสียบปุ๊ปเครื่องก็ทำงานปั๊ปหรือไร้สายไม่เกะกะแต่ต้องชาร์จแบต
- เป็นภูมิแพ้หรือต้องการหลีกเลี่ยงการปะทะกับฝุ่นควรเลือกเครื่องดูดฝุ่นที่มีถุงเก็บฝุ่น
- เครื่องดูดฝุ่นยิ่งเบายิ่งดี เพราะมันจะช่วยลดการปวดเมื่อยตามตัวที่ตามมาได้
- มีแผ่นกรองฝุ่นก็สำคัญ
- มีแปรงเสริมเพิ่มเติมมาให้เพื่อครอบคลุมพื้นหลายๆรูปแบบ
ยาวไปไม่อ่าน งั้นเราสรุปให้!

รีวิวเครื่องดูดฝุ่นทั้งหมด 13 รุ่น
1.เครื่องดูดฝุ่นไร้สาย Dyson V8 Slim™ Fluffy+
ขนาด: 25×114.4×21 ซม. น้ำหนัก: 2.15 กก. |
เครื่องดูดฝุ่นยี่ห้อไหนดีอันดับหนึ่งในดวงใจของบ้านติฟูลขอยกให้ Dyson V8 Slim™ Fluffy+ เลยค่ะเนื่องจากไดสันนั้นมีชื่อเสียงเรียงนามในเรื่องของเทคโนโลยีไซโคลนพลังสูงพร้อมระบบกรองทั่วทั้งตัว ดูดเศษฝุ่นขนาดเล็กมากไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าได้อย่างหมดจด
พร้อมมอเตอร์ที่ทรงพลังจึงเหมาะกับทุกบ้านทุกครัวเรือน หากคุณหรือคนในครอบครัวเป็นภูมิแพ้เราขอแนะนำเลย แถมยังมีราคาไม่แรงมากเหมือน Dyson โมเดลอื่นๆด้วย
ตัวเครื่องมีน้ำหนักเบา ไร้สายแต่จำเป็นต้องชาร์จแบตสามารถใช้งานสูงสุด 40 นาที แต่ว่าใช้งานง่ายมาก จัดเก็บก็สะดวกด้วยเพราะมีอุปกรณ์จัดเก็บครบเซทมาให้ภายในกล่อง
หัวดูดทำความสะอาดหลากหลายรูปแบบถึง 6 ตัว หัวดูดที่เด็ดที่สุดคงไม่พ้น Slim™️ Fluffy หัวลูกกลิ้งแบบนุ่มๆน้ำหนักเบาอัพเดทจากรุ่นเดิมที่ช่วยดักจับฝุ่นได้อย่างดีเริศ
คุณยังถอดขนาดเครื่องดูดฝุ่นให้เล็กลงเป็นเครื่องดูดฝุ่นแบบมือถือได้ด้วย ดังนั้นจึงมั่นใจได้เลยว่าสามารถนำไปดูดฝุ่นได้ทุกที่ทั้งบนพื้นหรือตามขอบหน้าต่าง แถมมีไฟสำหรับส่องตามมุมอับสายตา
ถึงแม้ไดสัน V8 Slim™ Fluffy+ นั้นจะไม่มีถุงเก็บฝุ่น แต่เนื่องจากเขาได้ออกแบบระบบการทิ้งที่ง่ายเพียงแค่กดปุ่มครั้งเดียวและไม่ต้องใช้มือสัมผัส
- พลังดูด Dyson ดิจิทัลมอเตอร์ V8 สร้างพลังดูดได้ถึง 115 แอร์วัตต์
- ระบบกรองทั่วทั้งตัวเครื่อง
- ไร้สาย น้ำหนักเบา
- หัวดูดปากแคบมีไฟส่องสว่าง
- สามารถปรับเป็นเครื่องดูดฝุ่นแบบมือถือได้
- มีโหมดการทำงาน 2 โหมดให้เลือกใช้
- มีหัวดูฝุ่นและอุปกรณ์เสริมที่หลากหลาย
- ต้องชาร์จแบตเตอรี่อย่างน้อย 5 ชม.ในการใช้ทำงานสูงสุด 40 น.
- พลังดูดอาจลดลงตามแบตเตอรี่
- ถึงแม้จะราคาที่ถูกกว่าไดสันรุ่นอื่นๆแต่ก็ยังถือว่าแพงสำหรับเครื่องดูดฝุ่นโดยทั่วไป
- ไม่มีถุงเก็บฝุ่น
2.เครื่องดูดฝุ่นมีถุงเก็บฝุ่น Philips PowerPro Expert FC8294/01
ขนาด: 40.3×26.3×22 ซม. น้ำหนัก: 4.3 กก. |
รีวิวเครื่องดูดฝุ่นมีถุงเก็บจาก Philips ยี่ห้อที่คุ้นหูหลายๆคนอยู่แล้ว โดยรุ่นนี้เหมาะกับพ่อบ้านแม่บ้านที่กำลังมองหาเครื่องดูดฝุ่นที่เน้นใช้งานเยอะๆ มีถุงเก็บฝุ่นขนาด 3 ลิตร ลดขั้นตอนการทำความสะอาดกล่องและยังลดการสัมผัสฝุ่นอีกด้วย
เครื่องดูดฝุ่น PowerPro Expert FC8294/01 นั้นยังมีน้ำหนักเบาและใช้งานง่าย มีล้อเคลื่อนย้ายสะดวก ถึงแม้เขาจะมีสายไฟให้รบกวนใจแต่ด้วยที่สายยาวถึง 9 เมตร ทำให้คุณทำความสะอาดบ้านได้ง่ายมากขึ้นโดยไม่ต้องถอดปลั๊กออกบ่อยๆ และที่ขาดไม่ได้เลยคือแผ่นกรองดักฝุ่น Super Clean Air มีความสามารถในการดักจับอนุภาคฝุ่นได้ดีมากยิ่งขึ้น
สิ่งที่บ้านติฟูลชอบในเครื่องดูดฝุ่นรุ่นนี้คือคุณสามารถเก็บหัวดูดปากแคบไว้กับตัวเครื่องได้เลย หากต้องการใช้งานเพียงแค่เปลี่ยนหัวดูดได้ง่ายๆเมื่อต้องการ
- เครื่องดูดฝุ่นพลังสูงด้วยมอเตอร์ 2,000 วัตต์
- มีถุงเก็บฝุ่นขนาด 3 ลิตร
- กล่องเก็บฝุ่นมีล้อเลื่อนเคลื่อนย้ายง่าย
- สายไฟค่อนข้างยาว
- มีหัวแปรงเสริม
- สามาถเก็บอุปกรณ์หัวแปรงได้บนเครื่อง
- พลังดูดสม่ำเสมอคงที่
- ค่อนข้างเกะกะ
- ไม่มีเทคโนโลยีที่พิเศษ
- หัวแปรงอเนกประสงค์จะใช้งานค่อนข้างแข็งใช้งานยากกับพื้นที่ตามใต้เตียงหรือโซฟา
3.เครื่อดูดฝุ่นแบบมีด้ามจับ Xiaomi Mi Handheld Vacuum Cleaner
ขนาด: 24×15.2×108.5 ซม. น้ำหนัก: 2.1 กก. |
รีวิวเครื่องดูดฝุ่น Xiaomi เป็นเครื่องดูดฝุ่นยี่ห้อไหนดีที่ใครๆก็หลงรักแถมราคายังเอื้อมถึงและคุ้มค่ามากเหมาะกับการใช้งานตามคอนโด หอ หรือห้องขนาดเล็กมากกว่านั้นได้ นั่นก็เป็นเพราะถังเก็บฝุ่นจุได้ตั้ง 600 มล. หากเน้นใช้ทำงานหนักอาจจะต้องเททำความสะอาดบ่อยๆได้
ถึงแม้เขาจะเป็นเครื่องดูดฝุ่นด้ามจับที่มีสาย แต่ด้วยน้ำหนักที่เบามือทำให้ใช้งานได้สะดวก แถมมีแท่นวางให้ในการจัดเก็บ เป็นเครื่องดูดฝุ่นยี่ห้อไหนดีที่ทรงพลังอีกยี่ห้อหนึ่ง สามารถปรับความโหมดการทำงานได้ 2 โหมดด้วยกัน
และที่ชอบเลยคือระบบกรอง 3 ชั้น ได้แก่ ชั้นแรกจะเป็นตัวกรองสแตนเลสดักจับฝุ่นละออง ชั้นต่อมาตัวกรอง HEPA กรองอนุภาคขนาดเล็กและชั้นสุดท้ายเป็นตัวกรองฟองน้ำที่ช่วยดักจับเศษฝุ่นและเศษควันจากบุหรี่หรือไอเสีย
ที่สำคัญตัวกรองเหล่านี้สามารถนำออกมาล้างทำความสะอาดแล้วนำกลับไปใช้ใหม่ได้เสียวหมี่ยังได้ให้หัวดูดและหัวแปรงให้สำหรับการทำความสะอาดตามสภาพพื้นที่แตกต่างกันด้วย
จากทั้งหมดทั้งมวลนี้บ้านติฟูลเห็นว่าเสียวหมี่เขาทำออกมาได้ดีมากเลยค่ะ หากคุณชื่นชอบยี่ห้อนี้อยู่เป็นทุนเดิมก็ต้องจัดแล้วหล่ะ
- เครื่องดูฝุ่นด้ามจับมีสาย ให้พลังดูดสูงและมีความสม่ำเสมอ
- ไม่ต้องชาร์จแบตเตอรี่
- ระบบกรอง 3 ชั้นพร้อมแผ่นกรอง HEPA
- มีชุดหัวดูดเสริมมาให้
- ตัวกรองนำออกมาล้างทำความสะอาดได้ง่าย
- ไม่เหมาะกับการใช้กับห้องขนาดใหญ่ (รัศมี 6 ม.)
- ต้องสัมผัสกับฝุ่นขณะทิ้ง
- สายไฟถอดแยกออกจากตัวเครื่องไม่ได้
- ไม่มีที่เก็บสายไฟภายในตัว
4.เครื่องดูดฝุ่นไร้ถุงเก็บฝุ่น Sharp EC-LS20
ขนาด: 28.6×37.9×25 ซม. น้ำหนัก: 5.7 กก. |
เครื่องดูดฝุ่นมอเตอร์ 2,000 วัตต์ดูดฝุ่นขนสัตว์ ทรายแมวได้ดีเยี่ยมจาก Sharp ในรุ่นนี้ก็เหมือนเครื่องดูดฝุ่นมีสายทั่วๆไปใช่ไหมคะ แต่สิ่งที่โดดเด่นของมันนั่นก็คือแผ่นกรอง HEPA ถึง 4 ชั้นช่วยรับรองประสิทธิภาพการดักจับฝุ่นขนาดเล็กจิ๋วๆ ได้อย่างดีเยี่ยม
ไม่ใช้ถุงเก็บฝุ่นจึงไม่เหมาะกับผู้ที่กำลังมองหาคุณสมบัตินี้อยู่ แต่หากไม่ซีเรียสมันก็คุ้ม เพราะไม่ต้องซื้อถุงเปลี่ยนบ่อยๆ เพียงแค่กล่องเก็บฝุ่นขนาด 2 ลิตรก็เพียงพอต่อการใช้งานและไม่จำเป็นที่จะต้องมาเดาเองว่าควรเทฝุ่นทิ้งตอนไหน เพราะมันมีไฟ LED แจ้งเตือนตลอดเมื่อถึงเวลา โอโห…ธรรมดาที่ไม่ธรรมดาเลยค่ะ
ที่สำคัญคือท่อลมเป็นโลหะ ไม่ใช่ท่อพลาสติกธรรมดาๆจึงช่วยลดการกันกระแทกแตกหักที่อาจจะเกิดขึ้นระหว่างการใช้งานได้ด้วยนะ
- ไม่ใช้ถุงเก็บฝุ่น ช่วยประหยัดได้ดี
- สามารถดูดฝุ่นอย่างมีประสิทธิภาพด้วยมอเตอร์สูง สม่ำเสมอ
- แผ่นกรอง HEPA 4 ชั้น
- ท่อลมทำจากโลหะ
- มีไฟ LED แจ้งเตือเมื่อฝุ่นเต็ม
- มีชุดหัวดูเสริมมาให้
- มีล้อเลื่อนทำให้เคลื่อนที่ง่าย
- มีสายเกะกะ
- ต้องสัมผัสกับฝุ่นเยอะเมื่อเททิ้งแล้วนำออกมาทำความสะอาด
5.เครื่องดูดฝุ่นไร้ถุงเก็บฝุ่น Elextrolux Ease C4 EC41-2DB
ขนาด: 31×41.5×35 ซม. น้ำหนัก: 6.4 กก. |
รีวิวเครื่องดูดฝุ่นจาก Elextrolux ในรุ่น Ease C4 EC41-2DB เครื่องดูดฝุ่นมีสายและไม่มีถุงเก็บฝุ่น เหมาะกับการใช้งานบ้านทั่วไปไปจนถึงการทำความสะอาดอย่างล้ำลึก
ด้วยความจุขนาดถึง 1.8 ลิตร ทำให้คุณสามารถใช้งานได้อย่างยาวนานและพลังดูดมีความสม่ำเสมอถึงแม้กล่องเก็บฝุ่นใกล้จะเต็มแล้วก็ตาม
ในรุ่นนี้ก็เหมือนเครื่องดูดฝุ่นแบบมีสายทั่วไปเพียงแค่กดปุ่มเทแล้วนำกล่องออกมาทำความสะอาด บ่อยครั้งที่ยังมีเศษไม้กวาดหรือเศษกระดาษขนาดใหญ่ที่ยังติดอยู่ในตัวกรองทำให้จำเป็นต้องแกะออกมาทำความสะอาดตลอด
ส่วนประสิทธิภาพของการทำความสะอาดนั้นเขาไม่แพ้รุ่นอื่นหรือยี่ห้ออื่นๆเลยเช่นเดียวกัน มีระบบกรอง 4 ชั้นเก็บทุกรายละเอียด เอาเป็นว่าหากคุณต้องการเครื่องดูดฝุ่นยี่ห้อไหนดีสักเครื่อง เราขอแนะนำรุ่นนี้เช่นเดียวกันค่ะ
- ไม่ต้องใช้ถุงเก็บฝุ่น
- ทำงานได้คงที่สม่ำเสมอแม้กล่องใกล้เต็ม
- มีตัวกรอง 4 ชั้น
- มีล้อเลื่อนเคลื่อนย้ายสะดวก
- ปรับระดับความแรงได้
- ขนาดใหญ่ค่อนข้างเกะกะ
- ไม่มีสัญญาณแจ้งเตือนว่าควรเททิ้งหรือทำความสะอาดตอนไหน
6.เครื่องดูดฝุ่นแบบถัง Hitachi CV-960F
ขนาด: 42×33.5×59 ซม. น้ำหนัก: 6.4 กก. |
เครื่องดูดฝุ่นแบบถังขนาดใหญ่ ตอบโจทย์คนที่ไม่ต้องการเทฝุ่นทิ้งบ่อยๆ ลดการสัมผัสจากฝุ่นได้ดีมากๆ โดยตัวถังสามารถจุได้ถึง 21 ลิตรจุใจมาก
ทั้งนี้เขาก็มีระบบกรองฝุ่นที่เป็นมาตรฐานรวมไปถึงแผ่นกรองฝุ่นเหมือนเครื่องดูดฝุ่นโดยทั่วไป แต่จะเป็นแบบผ้าที่สามารถนำออกมาล้างทำความสะอาดแล้วนำกลับไปใช้ใหม่ได้ง่ายๆ อีกทั้งท่อดูดทำจากอลูมิเนียมลดการเเตกหักระหว่างการใช้งาน
สิ่งที่โดดเด่นของเจ้าตัวนี้นอกจากจะดูดฝุ่นในบ้านแล้วมันยังช่วยเป่าฝุ่นหรือเป่าลมได้ ทำให้ง่านต่อการทำความสะอาดได้มากยิ่งขึ้น หากคุณกำลังมองหาเครื่องดูดฝุ่นยี่ห้อไหนดีที่เป่าลมได้จะต้องไม่พลาดรุ่นนี้เลยค่ะ
- จุได้เยอะ
- มีแผ่นกรองฝุ่นที่สามารถถอดออกมาล้างทำความสะอาดได้
- ท่อดูดทำจากอะลูมิเนียม
- สามารถดดูดฝุ่นและเป่าลมได้
- มีอุปกรณ์หัวแปรงดูดเพิ่ม
- มีล้อเลื่อนเคลื่อนย้ายง่าย
- ขนาดใหญ่ทำให้ยุ่งยากในการทำความสะอาดมากขึ้น
- เกะเกะ จัดเก็บยาก
7.เครื่องดูดฝุ่นไร้สาย Tefal X-FORCE FLEX 8.60 TY9639
ขนาด: 37x14x70 ซม. น้ำหนัก: 4.8 กก. |
เครื่องดูดฝุ่นเครื่องดูดฝุ่นไร้สายจาก Tefal สามารถดูดฝุ่นได้อย่างทรงพลังและเปลี่ยนเป็นเครื่องดูดฝุ่นแบบมือถือก็ได้ ทำให้คุณสามารถใช้งานได้อย่างเกิดประโยชน์สูงสุด
สิ่งที่แตกต่างคงจะไม่พ้นตรงที่ท่อดูดฝุ่นถูกออกแบบมาให้เป็นแบบ Flex หรืองอได้ ช่วยทำให้การทำความสะอาดใต้เตียง โซฟา หรือบริเวณที่เข้าถึงยากได้ง่ายมากยิ่งขึ้น ประกอบกับหัวดูด Power LED Vision ช่วยทำให้มองเห็นได้ชัดเจน
หากคุณต้องการเครื่องดูดฝุ่นอเนกประสงค์ใช้ตามครัวเรือน เน้นการทำความสะอาดแบบรวดเร็วในวันที่ยุ่งๆ เราขอแนะนำเลยค่ะ
- เครื่องดูดฝุ่นไร้สาย จัดเก็บง่าย สะดวกในการใช้งาน
- สามารถดูดตามใต้โซฟาได้ลึกมากกว่าแบบอื่นๆเพราะท่อดูดงอได้
- มีไฟ LED ส่องพื้นในที่มืด
- มีหัวดูดเสริมเพิ่มมา
- ถอดแบตเตอรี่ออกได้
- ระยะเวลาการใช้งานค่อนข้างต่ำ 35 นาที แต่ต้องชาร์จ 3 ชั่วโมง
- พลังดูดอาจไม่สม่ำเสมอเมื่อแบตลดระดับ
8.เครื่องดูดฝุ่นไร้สาย Dyson V12 Detect Slim ™ Total Clean Cordless Vacuum Cleaner
ขนาด: 25×123.4×25.2 ซม. น้ำหนัก: 2.61 กก. |
เครื่องดูดฝุ่นสุดไฮเทคจากไดสัน ไร้สายเคลื่อนย้ายง่าย ทำงานคล่องตัว มีหน้าจอ LCD แสดงการทำงานของตัวเครื่อง มีหัวแปรงเสริมสำหรับการทำความสะอาดมาให้อีกเพียบทั้งหมด7 หัวแปรง
พร้อมอุปกรณ์เสริมอื่นๆ อย่างเช่นแท่นยึดติดผนัง จึงเหมาะกับการใช้งานกับพื้นทุกรูปแบบรวมไปถึงฝุ่นตามเฟอร์นิเจอร์หรือขอบหน้าต่าง บ้านไหนมีสัตว์เลี้ยงต้องชอบแน่นอนเพราะหัวดูดที่มียังถูกออกแบบมาให้ดูดขนสุนัขและน้องแมวด้วย เศษผมก็เช่นกัน
ที่โดดเด่นที่สุดคงจะไม่พ้นตัวมอเตอร์ Dyson Hyperdymium™ และเทคโนโลยี Root Cyclone™ ที่จะทำให้เจ้า Dyson V12 Slim™ Fluffy+ นั้นสามารถดูดฝุ่นได้อย่างทรงพลัง ประกอบด้วยเลซอร์ช่วยในการมองเห็นที่ชัดมากขึ้นและยังดักจับฝุ่นได้ดีมากยิ่งขึ้นไปอีก
อย่างไรก็ตามรุ่นนี้เป็นเครื่องดูดฝุ่นยี่ห้อไหนดีที่ราคาค่อนข้างสูงหน่อยแต่หากคุณชื่นชอบคุณสมบัติเหล่านี้ มันก็คุ้มค่าที่จะลงทุนนะ
- ไร้สาย ไม่เกะกะ
- น้ำหนักเบา
- มีหน้าจอ LCD แสดงผลการทำงานแบบเรียลไทม์
- มีอุปกรณ์หัวดูดหลากหลาย
- เครื่องดูดฝุ่นพลังสูง
- ราคาสูง
- ต้องชาร์จแบตในการใช้งาน
- พลังดูดอาจลดลงตามแบตเตอรี่
- ไม่มีถุงเก็บฝุ่น
9.เครื่องดูดฝุ่นแบบถัง Elextrolux Flexio Power Z823
ขนาด: 40x40x56 ซม. น้ำหนัก: 8.5 กก. |
เครื่องดูดฝุ่น 3in1 ดูดฝุ่นได้ทั้งเปียกและแห้ง เป่าลมได้ มีขนาดใหญ่ แรง ดูดทำความสะอาดพื้นบ้านได้อย่างรวดเร็ว ตัวอุปกรณ์เสริมสามารถจัดเก็บได้ภายในตัวเครื่องช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ใช้งาน โดยเฉพาะบ้านพื้นที่กว้างๆ ใช้งานหนักใช้งานเยอะ
หัวดูดถูกออกแบบมาให้หมุนได้ 360° สามารถทำความสะอาดได้อย่างคล่องตัว แถมยังมีราคาไม่แพงด้วย แต่ไม่ค่อยเหมาะกับบ้าน 2 ชั้นสักเท่าไหร่เนื่องจากเขาค่อนข้างหนักทำให้อาจเกิดความยากลำบากในการเคลื่อนย้ายได้
- พลังดูดสูง
- มีหัวดูดเสริมเพิ่มเติม
- ไม่ต้องเทฝุ่นทิ้งบ่อยๆ
- ใช้เป่าลมได้
- ราคาไม่แพง
- หนัก
- เสียงค่อนข้างดังขณะทำงาน
- เกะกะ
10.เครื่องดูดฝุ่นไร้ถุงเก็บฝุ่น Elextrolux CompactGo Z1230CB,Z1231WR
ขนาด: 30x28x40 ซม. น้ำหนัก: 4.5 กก. |
เครื่องดูดฝุ่นแบบเบสิคทั่วๆไปที่สามารถใช้งานได้กับพื้นทุกรูปแบบไม่ว่าจะเป็นพื้นไม้ กระเบื้องหรือพรม ไม่ต้องใช้ถุงเก็บฝุ่น ทั้งนี้คุณจะมองเห็นปริมาณภายในกล่องเก็บฝุ่นสีใสจึงเดาได้ง่ายว่าเมื่อไหร่ที่จำเป็นต้องเทและนำมาล้างทำความสะอาด แถมยังมีน้ำหนักเบา เคลื่อนย้ายง่าย ทำให้การดูดฝุ่นเป็นเรื่องที่ไม่เบื่อไปเลย
เป็นเครื่องดูดฝุ่นอีกตัวที่ธรรมดาๆแต่พลังดูดฝุ่นสูงในราคาที่คุ้มค่า จึงเหมาะกับคนที่กำลังมองหาเครื่องดูดฝุ่นยี่ห้อไหนดีที่ใช้ดีราคาประหยัด นอกจากนั้นแล้วยังใช้แผ่นกรองฝุ่น HEPA ช่วยดักจับเศษฝุ่นให้อยู่หมัดและยังนำออกมาล้างตากแห้งแล้วนำกลับมาใช้ใหม่ได้
- ใช้งานง่าย
- พลังดูดสูงและมีความสม่ำเสมอ
- ราคาประหยัด
- น้ำหนักเบา
- เหมาะกับพื้นทุกรูปแบบ
- มีแผ่นกรอง HEPA ล้างใช้ซ้ำได้
- ค่อนข้างเกะกะ จัดเก็บยาก
- ไม่มีถุงเก็บฝุ่น
- ไ่ม่มีระบบแจ้งเตือนปริมาณฝุ่น
11.เครื่องดูดฝุ่นที่ไร้ถุงเก็บฝุ่น Philips PowerPro Expert FC9728/01
ขนาด: 50.5×29.2×29.2 ซม. น้ำหนัก: 5.5 กก. |
เครื่องดูดฝุ่นไร้ถุงเก็บฝุ่นที่จะช่วยทำความสะอาดได้อย่างหมดจดทุกซอกทุกมุมด้วยมอเตอร์ขนาด 2,000 วัตต์และเทคโนโลยี PowerCyclone 8 จากฟิลิปส์ที่จะช่วยแยกอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ประกอบด้วยหัวดูด TriActive ที่ถูกออกแบบให้ดูดฝุ่นได้ 3 ทิศทาง มีฟังก์ชั่นควบคุมปรับระดับความแรงตามสภาพพื้นห้องที่แตกต่างกันด้วยด้วยปุ่มบวกและลบ ใช้งานค่อนข้างง่ายเลยทีเดียว หัวดูดและหัวแปรงที่มีมาให้จัดเก็บได้ที่ตัวเครื่องเลยพร้อมใช้งานตลอดและไม่ต้องกลัวหาย
สิ่งที่พิเศษเพิ่มขึ้นมาคงจะไม่พ้นระบบแผ่นกรอง Allergy H13 ที่จะไปดักฝุ่นอนุภาคเล็กๆ หรือพวกที่ทำก่อให้เกิดภูมิเเพ้อย่างขนสัตว์หรือละอองเกสร
- พลังดูดสูงด้วยเทคโนโลยี PowerCyclone 8
- มีหัวดูดที่ดูดได้ 3 ทิศทาง
- ใช้งานได้ดีกับพื้นทุกสภาพ
- ขนาดกระทัดรัด ไม่น่ารำคาญขณะใช้งานมาก
- แผ่นกรอง Allergy H13 ที่เหมาะกับผู้ที่เป็นภูมิแพ้
- เก็บอุปกรณ์เสริมได้ในตัว
- ราคาค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับเครื่องดูดฝุ่นไร้ถุงทั่วๆไป
- เกะกะ
- ไม่มีถุงเก็บฝุ่น
12.เครื่องดูดฝุ่นไร้สาย IRIS OHYAMA IC-SLDC7
ขนาด: 23.6×16.2×100.3 ซม. น้ำหนัก: 1.2 กก. |
เครื่องดูดฝุ่นไร้สายแบรด์ญี่ปุ่นที่มีน้ำหนักเบามากเพียง 1.2 กิโลกรัม ทำให้ทำความสะอาดง่าย ขนย้ายสะดวก ไม่ว่าจะเป็นใต้เตียง โซฟา หรือขั้นบันได รวมไปถึงในรถยนต์ แถมยังไม่ต้องเสียบปลั๊กให้รำคาญใจ และมีถุงเก็บฝุ่นด้วยลดขั้นตอนการทำความสะอาดได้เยอะ
แต่เห็นน้ำหนักเบาแบบนี้แต่เจ้าตัวนี้มีระบบตรวจจับฝุ่นด้วยนะ แถมยังถอดเป็นเครื่องดูดฝุ่นแบบมือถือได้ด้วย มันว้าวมากเลยค่ะ จัดได้ว่าเป็นเครื่องดูดฝุ่นอเนกประสงค์ที่น่าใช้เลยทีเดียว
- น้ำหนักเบามาก แต่มีพลังดูดสูง
- ปรับเป็นเครื่องดูดฝุ่นแบบมือถือได้
- มีหัวแปรงดูดเพิ่ม
- มีถุงเก็บฝุ่น
- จัดเก็บง่าย
- ต้องชาร์จแบต 3 ชั่วโมงต่อการใช้งาน 30 นาที
13.เครื่องดูดฝุ่นไร้ถุงเก็บฝุ่น Samsung VC18M21M0VN
ขนาด: 27.2×24.3×39.8 ซม. น้ำหนัก: 4.6 กก. |
เครื่องดูดฝุ่นแบบกล่องที่บ้านติฟูลได้คัดเลือกมารีวิวอีกตัวที่สามารถปรับระดับพลังการดูดได้มากถึง 7 ระดับซึ่งแตกต่างจากเครื่องดูดฝุ่นอื่นๆที่เราได้รีวิวไป พร้อมระบบ Anti-tangle Turbine ป้องกันเศษอุดตันที่อาจะเกิดขึ้นเมื่อใข้งาน แถมช้งานก็ง่ายเทฝุ่นง่ายด้วยเพียงแค่กดปุ่มเพียงปุ่มเดียว เครื่องดูดฝุ่นจาก Samsung ในรุ่น VC18M21M0VN จึงเป็นตัวเลือกที่น่าใช้ไม่แพ้กัน
- พลังดูดสม่ำเสมอ
- ใช้งานง่าย เคลื่อนย้ายสะดวก
- ปรับพลังดูดได้
- เกะกะ
- ใช้พื้นที่ในการจัดเก็บ
ประเภทของเครื่องดูดฝุ่นที่ควรรู้จัก
เครื่องดูดฝุ่นมีสาย (Canister Vacuum)
คืออะไร?:
เครื่องดูดฝุ่นแบบมีสายหรือรู้จักในชื่อเครื่องดูดฝุ่นแบบกล่อง เนื่องจากตัวเครื่องดูดฝุ่นประเภทนี้จะมีกล่องที่มีล้อเลื่อนเชื่อมต่อกับสายดูดฝุ่นนั่นเอง ภายในจะบรรจุทั้งมอเตอร์ ฟิลเตอร์จับฝุ่น และถุงเก็บฝุ่น (บางโมเดลก็ไม่มี)
ข้อดี:
- มีพลังในการทำงานสูงทำให้ทำความสะอาดได้เร็วขึ้น
- มีล้อเลื่อนทำให้ง่ายต่อการขนย้าย
- น้ำหนักเบาประกอบกับสายดูดฝุ่นมีความยืดหยุ่นทำให้คล่องตัวในการทำความสะอาด
- สามารถใช้งานกับประเภทหัวแปรงได้หลายแบบ
ข้อเสีย:
- ใช้พื้นที่ในการจัดเก็บเยอะ
- บ่อยครั้งที่สายไฟมักจะไปพันกับล้อทำให้สร้างความรำคาญใจต่อผู้ใช้งานได้
เครื่องดูดฝุ่นทรงตั้ง (Upright Vacuum)
คืออะไร?:
เครื่องดูดฝุ่นทรงตั้งใช้งานเหมือนกันกับเครื่องดูดฝุ่นแบบด้ามจับ โดยการถูไถขนานกับพื้น แต่อย่างไรก็ตามเครื่องดูดฝุ่นทรงตั้งจะมีน้ำหนักที่มากกว่าแบบอื่นๆเนื่องจากตัวมอเตอร์ ฟิลเตอร์ หรือถุงเก็บฝุ่นนั้นจะประกอบภายในส่วนเดียวกัน
ข้อดี:
- All-in-one ไม่เกะกะแถมยังจัดเก็บง่าย
- เหมาะกับการทำความสะอาดอย่างล้ำลึกโดยเฉพาะพื้นประเภทพรม
- มักจะมีหน้าแปรงกว้างทำให้ความสะอาดได้เร็ว
ข้อเสีย:
- ต้องก้มในการทำความสะอาดจึงไม่เหมาะกับผู้ที่ชอบปวดหลัง
- ค่อนข้างยากในการทำความสะอาดตามซอกมุมเล็กๆ
- มีน้ำหนักมากทำให้ยุ่งยากในการเคลื่อนย้าย
เครื่องดูดฝุ่นด้ามจับ (Stick Vacuum) (เครื่องดูดฝุ่นไร้สาย)
คืออะไร?:
เครื่องดูดฝุ่นแบบด้ามจับจะมีมอเตอร์และตัวเก็บฝุ่นอยู่บริเวณใกล้มือจับ ส่วนใหญ่เรามักจะเป็นเครื่องดูดฝุ่นแบบไร้สายภายในตัว มักจะมีน้ำหนักเบาเหมาะกับการทำความสะอาดแบบรวดเร็ว
ในบางโมเดลจะเป็นเครื่องดูดฝุ่นแบบมือถือขนาดเล็ก (Handheld Duster Vacuum) ที่นิยมสำหรับการใช้ดูดฝุ่นตามขอบหน้าต่าง โซฟา รวมไปถึงฝุ่นภายในรถยนต์
ข้อดี:
- มักจะเป็นแบบไร้สาย และไม่จำเป็นต้องต่อสายไฟ
- น้ำหนักเบา ขนาดเล็ก เคลื่อนย้ายทำความสะอาดได้สะดวก
- ไม่ค่อยเสียงดัง
- จัดเก็บง่าย
ข้อเสีย:
- อาจไม่ทรงพลังเท่าเครื่องดูดฝุ่นแบบอื่นๆ แต่ก็ขึ้นอยู่กับโมเดลของรุ่นนั้นๆด้วย
- ต้องเพิ่งพาการชาร์จแบตเตอร์รี่
- กล่องเก็บฝุ่นมีขนาดเล็กจำเป็นต้องทำความสะอาดบ่อยๆ
หุ่นยนต์ดูดฝุ่น (Robot vacuum)
คืออะไร?:
หุ่นยนต์ดูดฝุ่นจะเป็นเครื่องดูดฝุ่นที่แต่กต่างจากเครื่องดูดฝุ่นแบบอื่นๆ โดยคุณไม่ต้องทำงานกับมันโดยตรง เพราะเจ้าหุ่นยนต์ดูดฝุ่นนี้สามารถทำความสะอาดด้วยตนเอง
หลักการทำงานของมันหลักๆคือใช้เลเซอร์ในการตรวจจับฝุ่นตามพื้น ถึงจะไม่ได้ดูดฝุ่นล้ำลึกแต่มันจะช่วยดูดฝุ่นในบ้านเป็นประจำ ช่วยรักษาบ้านให้สะอาดอยู่ตลอดเวลาเลยแหละ
ข้อดี:
- คุณไม่ต้องลงแรงในการทำความสะอาด
- มีเทคโนโลยีที่ทันสมัย
- สามาถดูดฝุ่นได้ครอบคลุมรอบบ้าน
- เหมาะกับคนที่เป็นภูมิแพ้
ข้อเสีย:
- พลังการดูดไม่แรงเท่ากับเครื่องดูดฝุ่นประเภทอื่นๆ
- ไม่เข้าถึงมุมห้อง
- ต้องชาจแบต
- มักเกิดการติดขัดตามพื้นที่
หลักการพิจรณาประกอบการตัดสินใจในการเลือกซื้อเครื่องดูดฝุ่น
เครื่องดูดฝุ่นแบบมีสาย VS ไร้สาย
เครื่องดูดฝุ่นที่หลักๆที่คนนิยมใช้มีอยู่ 2 แบบหลักๆคือ เครื่องดูดฝุ่นแบบมีสายและเครื่องดูดฝุ่นแบบไร้สาย บ้านติฟูลสรุปมาให้แล้วข้างล่างนี้
เครื่องดูดฝุ่นแบบมีสาย(Cord Vacuum):
- มักจะเห็นได้ตามเครื่องดูดฝุ่นแบบกล่องและเครื่องดูดฝุ่นแบบตั้ง
- ไม่ต้องชาร์จแบตเตอรี่แต่จะต้องเสียบปลั๊กในการทำงาน
- ความยาวสายไฟจึงสำคัญที่จะช่วยให้เครื่องดูดฝุ่นสามารถทำความสะอาดได้ครอบครุม
- มีพลังในการดูดฝุ่นสูง
- มักจะมีขนาดใหญ่และมีน้ำหนักทำให้ยากต่อการเคลื่อนย้ายและจัดเก็บ
- สายไฟมักจะพันกับล้อทำให้รู้สึกหงุดหงิดรำคาญใจได้ง่าย
- กล่องเก็บฝุ่นมักจะบรรจุฝุ่นได้มากกว่าแบบไร้สาย
เครื่องดูดฝุ่นแบบไร้สาย(Cordless Vacuum):
- มักจะพบได้ตามเครื่องดูดฝุ่นแบบด้ามจับ
- ใช้แบตเตอรี่ในการใช้งาน ยิ่งแบตเตอร์มีมากจะดูดฝุ่นได้แรงกว่าแบตน้อย จึงจำเป็นต้องชาร์จแบตอยู่เป็นประจำเพื่อที่จะทำให้เกิดการใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
- ไร้สายนั่นแปลว่าอำนวยความสะดวกสบายในการทำความสะอาด
- จัดเก็บง่ายไม่เกะกะ
- มีน้ำหนักเบาสามารถใช้งานได้คล่องตัว
- กล่องเก็บฝุ่นจะมีขนาดเล็กทำให้ต้องทำความสะอาดบ่อยๆ
สรุปแล้วซื้อเครื่องดูดฝุ่นแบบไหนดี?: หากคุณชื่นชอบเครื่องดูดฝุ่นยี่ห้อไหนดีที่เน้นการทำความสะอาดแบบล้ำลึก พลังดูดฝุ่นสูงและมีความสม่ำเสมอ ไม่ต้องเทฝุ่นทิ้งบ่อยๆเราแนะนำเครื่องดูดฝุ่นแบบมีสาย แต่หากคุณต้องการเครื่องดูดฝุ่นที่นอกจากทำความสะอาดได้ดีเช่นเดียวกัน แต่เน้นการพกพา เคลื่อนย้ายง่ายและมีน้ำหนักเบส เครื่องดูดฝุ่นแบบไร้สายน่าจะตอบโจทย์ความต้องการมากที่สุดค่ะ |
เครื่องดูดฝุ่นที่มีถุงเก็บฝุ่น VS ไม่มีถุงเก็บฝุ่น
หลักการเลือกซื้อเครื่องดูดฝุ่นอีกแบบที่เราอยากแนะนำคือการเลือกซื้อเครื่องดูดฝุ่นที่มีถุงเก็บฝุ่นและไม่มีถุงเก็บฝุ่น ซึ่งแต่ละโมเดลจะมีความแตกต่างกันจึงอยากให้คุณได้เช็คให้ชัวร์ก่อนตัดสินใจซื้อว่าแบบไหนที่ตรงกับความต้องการมากที่สุด อ
มีถุงเก็บฝุ่น(Bagged):
- ช่วยกักเก็บฝุ่นได้ดีกว่าและลดการกระจายขณะถอดถุงออกไปทิ้งและยังเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าผู้ที่เป็นภูมิเเพ้ด้วย
- ไม่จำเป็นต้องนำกล่องดูดฝุ่นและตัวฟิลเตอร์ออกไปล้างน้ำบ่อยๆถ้าเทียบกับแบบกล่อง
- เมื่อถุงเต็มจำเป็นต้องเปลี่ยนถุง
- จำเป็นต้องซื้ออถุงดูดฝุ่นของโมเดลนั้นตลอดการใช้งาน
ไม่มีถุงเก็บฝุ่น(Bagless):
- สามาถสังเกตุได้ง่ายว่าเวลาไหนควรนำฝุ่นออกไปทิ้ง
- เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเพราะลดขยะที่เกิดจากการใช้ถุงเก็บฝุ่น
- จะต้องนำออกไปล้างทำความสะอาด
- ไม่เหมาะกับผู้ที่เป็นภูมิแพ้
สรุปแล้วซื้อเครื่องดูดฝุ่นแบบไหนดี?: ผู้ที่เป็นภูมิแพ้หรือผู้ที่ต้องการหลีกเลี่ยงการสัมผัสฝุ่นโดยตรงเลือกที่มีถุงเก็บฝุ่นจะดีกว่า |
น้ำหนักของเครื่องดูดฝุ่น
คงไม่มีใครหรอกที่จะชอบยกหรือถือของหนักๆใช่ไหม ? ยิ่งเครื่องดูดฝุ่น สิ่งที่คุณจะต้องใช้มันอย่างน้อย 1 ครั้งต่อสัปดาห์อย่างน้อย 1 ชั่วโมงในการดูดฝุ่นทำความสะอาดบ้านทั้งหมดนั้นยิ่งจำเป็นที่จะต้องเลือกเครื่องดูดฝุ่นที่น้ำหนักเบา ยิ่งเบาเท่าไหร่ก็ยิ่งดีเพราะมันจะช่วยทำให้การดูดฝุ่นได้ง่ายและรวดเร็วมาก แถมไม่ปวดหลังด้วย
แผ่นกรองฝุ่น
แผ่นกรองฝุ่นก็สำคัญในการใช้งานเครื่องดูดฝุ่น (บางโมเดลไม่มี) เพราะมันจะช่วยดักจุบฝุ่นที่มีอนุภาคเล็กรวมไปถึงขนสัตว์ไม่ให้กระจายออกไปสู่อากาศภายในบ้านอีกครั้ง โดยแผ่นกรองฝุ่นที่มักนิยมถูกนำมาใช้คือแผ่นกรองฝุ่น HEPA (High-Efficiency Particulate Air) มักพบได้ตามเครื่องกรองอากาศและแอร์บางรุ่น
หัวแปรงเสริมที่เพิ่มเข้ามา
เพราะพื้นบ้านมีหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นพื้นไม้ พรม กระเบี้อง รวมไปถึงซอกมุมต่างๆที่จำเป็นต้องใช้แปรงดูดฝุ่นที่แตกต่างกันไป บ้านติฟูลจึงอยากแนะนำเพื่อนๆให้เลือกซื้อครื่องดูดฝุ่นยี่ห้อไหนดีที่มีอุปกรณ์เสริมเหล่านี้มาให้ เพื่อที่จะได้ใช้งานให้เกิดประโยชน์สูงสุด
สรุปส่งท้าย
เป็นอย่างไรกันบ้างกับรีวิวเครื่องดูดฝุ่นยี่ห้อไหนดีที่บ้านติฟูลได้คัดเลือกมาให้ เพียงแต่คุณจำเป็นต้องเช็คให้ชัวร์ก่อนว่ามีปัจจัยไหนบ้างที่เครื่องดูดฝุ่นโมเดลนั้นๆจะตอบโจทย์ความต้องการของคุณมากที่สุด เราหวังว่าบทความของเราจะช่วยทำให้คุณได้ตัดสินใจได้นะ
