ซาวด์บาร์เป็นอุปกรณ์เสริมที่จะช่วยทำให้คุณได้สนุกสนานเพลิดเพลินไปกับการใช้งานสมาร์ททีวีได้มากขึ้น โดยเฉพาะบ้านไหนที่ชอบดูหนัง ฟังเพลง “ภาพจะต้องชัด เสียงจะต้องแจ่ม” ต้องครบทุกองค์ประกอบเท่านั้น
น่าเสียดายที่สมาร์ททีวีหลายๆตัวถูกพัฒนาให้มีจอแบนและบางลงไปเรื่อยๆทำให้ลำโพงบิ้วอินของทีวีมีขนาดเล็กตามลงมา ส่งผลให้คุณภาพเสียงของทีวีจอแบนส่วนใหญ่ไม่ได้มีความโดดเด่นอะไรเลย
บ้านติฟูลจึงได้นำรีวิว Soundbar ยี่ห้อไหนดี ของปี 2023 ที่เหมาะกับการใช้งานควบคู่กับสมาร์ททีวีที่บ้านเป็นตัวช่วยให้คุณได้รับประสบการณ์ในการรับชมหนัง ภาพยนต์ หรือซีรีย์เรื่องโปรดได้อย่างจุใจในราคาที่จับต้องได้ มี Soundbarยี่ห้อไหนดีที่น่าสนใจบ้างไปดูกันเลยค่าา
ซาวด์บาร์ที่คุ้มค่าเหมาะกับการใช้งานทั่วไป: Sony รุ่น HT-S100F ซื้อได้ที่ Lazada | |
ซาวด์บาร์ตัวไหนเน้นดูหนังมันส์ๆ: Sony HT-Z9F ซื้อได้ที่ Lazada , Shopee | |
ซาวด์บาร์พร้อมลำโพงซัปวูฟเฟอร์ที่คุ้มค่าคุ้มราคา: JBL รุ่น Cinema SB170 ซื้อได้ที่ Lazada , Shopee |
รีวิว 5 Soundbar ยี่ห้อไหนดีที่สุดของปี
1.Sony รุ่น HT-S100F
จำนวนชาแนล: 2.0 Ch
ขนาด: 90×6.4×8.8 ซม.
น้ำหนัก: 2.4 กก.
การเชื่อมต่อ: HDMI ARC,Optical,USB,Bluetooth
ประกัน: 1 ปี
คุณมองหาซาวด์บาร์ตัวเริ่มต้นที่ให้เสียงดีกว่าลำโพงทีวีทั่วไป ที่ราคาไม่แพงอยู่หรือเปล่า? ถ้าหากใช่บ้านติฟูลขอแนะนำซาวด์บาร์ยี่ห้อไหนดีจากโซนี่ในรุ่น HT-S100F ตัวนี้เลย
ถึงแม้เขาจะไม่มีลำโพงซัปวูฟเฟอร์แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหา เพราะซาวด์บาร์รุ่นนี้จะส่งมอบเสียงเหมือนอยู่โรงหนังด้วยเทคโนโลยี S-Force ล้อมรอบทุกทิศทางด้วยเสียงที่มีความดังและชัดเจน
รวมไปถึงลำโพงสะท้อนเสียงเบส Bass Reflex เพิ่มเสียงให้มีพลังและหนักแน่น ใช้ดูหนังได้ดีพอสมควรแต่ถ้าใช้ฟังเพลงทั่วไปยิ่งดีเยี่ยมสุดๆไปเลย
ตัวเครื่องติดตั้งง่ายเพียงแค่เสียบสาย HDMI ARC ระหว่างทีวีกับตัวซาวด์บาร์หรือเสียบสาย Optical ก็ได้เขามีรูเสียบมาให้แล้วครบครันอย่างละ 1 ช่อง รวมไปถึงพอร์ทเสียบ USB สำหรับการเสียบแฟลชไดรฟ์ด้วย ที่สำคัญคือสามารถเชื่อมต่อผ่านบูทูธได้ อำนวยความสะดวกสบายได้ดีมากๆ
ตัวดีไซน์มีขนาดกระทัดรัด ไม่เล็กไม่ใหญ่ น้ำหนักเบา สามารถใช้กับทีวี 40 นิ้วได้สบายๆ จัดวางได้สะดวกนอกจากนั้นแล้วคุณยังติดตั้งซาวด์บาร์กับผนังได้ด้วย
สรุป: ซาวด์บาร์คุณภาพดี การใช้งานระดับปานกลางใช้งานทั่วๆไปเน้นเพิ่มความสามารถด้านเสียงที่เพิ่มมากขึ้นจากทีวี จากแบรนด์ที่มั่นใจในระคาประหยัด
จุดเด่น:
- ให้เสียงดังชัดเจน เหมาะกับการใช้งานผสมผสาน ดูหนังหรือฟังเพลงทั่วๆไป
- มีรีโมทคอนโทรล
- รองรับระบบเสียง Dolby Surround
- ซาวด์บาร์ที่มีครบครันและราคาไม่แพง
จุดด้อย:
- ไม่รองรับ Dolby Atmos และ DTS
- เสียงเบสอยู่ในระดับปานกลาง
- ไม่มีตัว output
2.Sony รุ่น HT-Z9F
จำนวนชาแนล: 3.1Ch
ขนาด: 100×6.4×9.9 ซม.
น้ำหนัก: 3.1กก.,ซับวูฟเฟอร์ 8.1 kg.
การเชื่อมต่อ: HDMI Inx2,HDMI Out,Optical,Analog,USB,LAN,Wifi
ประกัน: 1 ปี
ซาวด์บาร์ที่มาพร้อมกับลำโพงซับวูฟเฟอร์แบบไร้สาย 1 ตัวจากโซนี่ เป็นรุ่นที่ค่อนข้างแพงและดูพรีเมียมกว่าซาวด์บาร์หลายๆตัวที่เรารีวิว เพราะว่าเจ้าตัวนี้จะเพิ่มฟังก์ชั่นที่พิเศษๆขึ้นมาอย่างการรองรับระบบเสียง Dolby Atmos,DTS:X
รวมไปถึงเทคโนโลยีระบบเสียงเซอร์ราวด์แบบ Vertical และ S-Force Pro ที่จะช่วยทำให้รู้สึกว่าได้ยินเสียงมาจากมุมมองด้านบนให้อารมณ์การรับเสียงแบบ 3D ทำให้ได้ยินเสียงที่ละเอียด ชัดเจนเพิ่มมากขึ้น ทำให้คุณเข้าถึงการรับชมหนังเรื่องโปรดได้อย่างถึงรสชาติ
ตัวลำโพงซับวูฟเฟอร์มีขนาดอยู่ที่ 19×38.2×38.6 ซม. หนัก 8.1 กก. โดยส่วนใหญ่จะตั้งเจ้าตัวลำโพงซับวูฟเฟอร์ไว้บริเวณข้างทีวีหรือบริเวณที่ใกล้ๆ
ข้อดีของการที่มีซับวูฟเฟอร์แบบไร้สายคือการที่คุณสามารถปรับเปลี่ยนตำแหน่งการวางได้สบายๆ เพียงแค่เสียบปลั๊กเท่านั้นก็ใช้งานได้แล้วค่ะ
และแน่นอนว่าซาวด์บาร์สุดพรีเมียมตัวนี้คงไม่พลาดในเรื่องของการเชื่อมต่อแบบไร้สายทั้งอย่าง Bluetooth และ Wifi รวมไปถึงติดตั้งกับผนังก็ได้เช่นกัน หากคุณเป็นคนหนึ่งที่ชื่นชอบฟังก์ชั่นการใช้งานตัวนี้ คุณจะต้องซื้อมันซะแล้ว
สรุป: Soundbar ยี่ห้อไหนดีสุดพรีเมียมคงจะต้องไม่พลาดเจ้าตัวนี้เลย ราคาสูงขึ้นไปหน่อยแต่ว่ารับรองคุณจะเข้าถึงหนังหรือภาพยนต์ได้ดีเลย นั่นก็เพราะมีลำโพง 3 ชาแนล ซ้ายขวาและตรงกลาง พร้อมกับลำโพงซัฟวูฟเฟอร์ ทำให้ได้ยินเสียงคมชัด รองรับระบบเสียงพรีเมียมๆอย่าง Dolby Atmos ที่ช่วยให้คุณได้รับประสบการ์ในการรับชมได้อย่างจุใจ
จุดเด่น:
- สามารถเข้าถึงคอนเท้นต์ที่รองรับ Dloby Atmos และ DTS:X
- มีลำโพงซับวูฟเฟอร์จึงทำให้ได้ยินเสียงได้เพิ่มมากขึ้น
- ลำโพงซับวูฟเฟอร์ไร้สาย จัดวางสะดวก
- Vertical Surround Sound + S-Force Pro เทคโนโลยีที่จะช่วยทำให้ได้รับเสียงใน 3 มิติรอบทุกทิศทาง
- มีตัวเลือกในการเชื่อมต่อที่หลากหลาย
- มีรีโมทคอนโทรล
- มีโหมดเสียงให้ตั้งค่าตามรูปแบบของรายการทีวี ได้แก่ โหมดหนังภาพยนต์ม เพลงมเกมส์มข่าว และกีฬา
จุดด้อย:
- ราคาค่อนข้างสูง
- เนื่องจากตัว Subwoofer ไร้สายอาจทำให้ไม่มั่นในถึงความสเถียรในการเชื่อมต่อ
3.JBL รุ่น Cinema SB170
จำนวนชาแนล: 2.1Ch
ขนาด: 90×6.7×6.3 ซม.
น้ำหนัก: 1.65 กก.
การเชื่อมต่อ: HDMI ARC,Optical,USB,Bluetooth
ประกัน: 1 ปี
JBL เป็นยี่ห้อที่มีชื่อเสียงในเรื่องของการผลิตชุดเครื่องเสียงและหูฟัง ดังนั้นเราจะต้องไม่พลาดที่จะขอหยิบเอา Soundbar รุ่น Cinema SB170 ซึ่งเป็นหนึ่งในรุ่นที่ได้รับความนิยมอย่างมากทั้งในไทยและต่างประเทศ จะตั้งโต๊ะหรือติดผนังก็ได้
โดยเฉพาะหากคุณกำลังมองหาซาวด์บาร์ยี่ห้อไหนดีที่มีลำโพงซับวูฟเฟอร์มพร้อมครบชุด ในเรทราคาเบาๆจับต้องได้ ยิ่งมีโปรโมชั่นก็ยิ่งถูกลงไปอีก
แถมยังให้เสียงคุณภาพสูง ได้เสียงสดใส นุ่มนวลและชัดเจน อีกทั้งยังให้เสียงดังอีกด้วย ไม่ว่าคุณจะดูหนังหรือฟังเพลง เจ้าตัวนี้ตอบโจทย์คุณแน่นอน
ตัวซับวูฟเฟอร์มีขนาด 17×34.5×31.3 ซม. หนักอยู่ที่ 5 กก. ซึ่งขนาดไม่ใหญ่เลย แต่ให้เสียงเบสดีอย่างเหลือเชื่อ จัดตั้งก็ง่าย วางตรงไหนก็สะดวก แถมยังต่อเพลงเข้ากับซาวด์บาร์ผ่าน Bluetooth ได้
สรุป: ซาวด์บาร์ยี่ห้อไหนดีที่ให้เสียงดังชัดเเจ่มใส ดูหนังก็ได้ฟังเพลงก็ดี เกณฑ์ระดับปานกลาง มีซับวูฟเฟอร์มาพร้อม และทั้งหมดนี้อยู่ในราเกณฑ์ราคาที่ไม่เเพงเมื่อเทียบกับซาวด์บาร์แบบพรีเมียมๆทั้งหลาย
จุดเด่น:
- ราคาไม่แพง
- มีซัปวูฟเฟอร์แบบไร้สาย เคลื่อนย้ายได้สะดวก
- รองรับ Dolby Digital
- มีรีโมทคอนโทรล
- มีโหมด Voice ทำให้ได้ยินเสียงคนสนทนาชัดเจนมากขึ้น
จุดด้อย:
- ไม่รองรับ Dolby Atmos และ DTS
4.LG Sound Bar รุ่น SL5Y
จำนวนชาแนล: 2.1Ch
ขนาด: 89×5.7×8.5 ซม.
น้ำหนัก: 2.35 กก.
การเชื่อมต่อ: HDMI In,HDMI Out,Optical,USB,Bluetooth
ประกัน: 1 ปี
ซาวด์บาร์จาก LG ที่รองรับระบบเสียง DTS Virtual:X ในเรทราคาไม่เกินหมื่น ทั้งนี้เขามาพร้อมกับหน้าจอ LCD แสดงการตั้งค่าการทำงาน ซึ่งเป็นที่น่าแปลกใจเนื่องจากซาวด์บาร์เรทเดียวกันไม่ได้นำเสนอในจุดนี้เลย
เพราะทำให้รู้สึกว่าใช้งานง่ายขึ้น ไม่เดาว่าตอนนี้กำลังกดการตั้งค่าอะไรอยู่ แต่ไม่ต้องกังวลใจไปนะว่ามันจะก่อให้เกิดความลำคาญใจในขณะที่คุณกำลังดูหนังอยู่ เพราะมันจะถูกปิดอัตโนมัติหากไม่มีการเปลี่ยนการตั้งค่าภายใน 15 นาที
ในด้านของเสียงเจ้าตัวนี้ค่อนข้างใช้ดีทั้งในการดูหนังและฟังเพลงและยังมีลำโพงซัปวูฟเฟอร์ (ขนาด 17.1×39.3×24.85 ซม. หนัก 5.3 กก.) ช่วยยกระดับเสียงให้ดีมากยิ่งขึ้น แถมติดตั้งก็ง่าย ตัวซัปวูฟเฟอร์มีขนาดเล็กจึงสามารถจัดตั้งบริเวณพื้นที่ว่างได้สบายๆ
สรุป: ซาวด์บาร์ยี่ห้อไหนดีพร้อมซัปวูฟเฟอร์ใช้งานได้ทั่วไป แต่ที่พิเศษมีการรองรับเสียงแบบ DTS Virtual:X ซึ่งจะเห็นเจ้าตัวนี้นซาวด์บาร์พรีเมียมซะส่วนใหญ่ และมีหน้าจอ แสดงการตั้งค่าการใช้งานเป็นลูกเล่นที่ไม่ค่อยเจอในซาวด์บาร์ในรุ่นอื่นๆ
จุดเด่น:
- มีลำโพงซัปวุฟเฟอร์แบบไร้สาย
- มีหน้าจอ LCD แสดงการตั้งค่าการทำงาน
- ราคาไม่เกิน 10,000
- มีรีโมทคอนโทรล
จุดด้อย:
- ไม่รองรับ Dolby Atmos
5.Sonos Smart Soundbar รุ่น Beam (Gen2)
จำนวนชาแนล: 3 Ch
ขนาด: 65.1×6.86×10 ซม.
น้ำหนัก: 2.8 กก.
การเชื่อมต่อ: HDMI ARC/eARC,Ethernet,Power Cover,Joint Button,Wifi
ประกัน: 1 ปี
ซาวด์บาร์สุดพรีเมียมยี่ห้อดังจาก Sonas เป็นรุ่นใหม่ที่อัพเกรดจากรุ่นแรก ตัวนี้จะไม่ได้มาพร้อมกับลำโพงซัฟวูฟเฟอร์แต่ไม่ใช่ปัญหาเลยค่ะ เพราะรองรับการต่อลำโพงเพิ่มในอนาคตได้
ตัวซาวด์บาร์ให้เสียงดังและมีพลังเมื่อเทียบกับขนาดของมันเป็นอะไรที่น่าประทับใจ ยิ่งประกอบกับการรองรับระบบเสียง Dolby Atmos ที่จะทำให้คุณได้เพลินเพลินไปกับประสบการ์มินิโฮมเธียร์เตอร์ที่บ้านได้อย่างสนุกสะใจ ลำโพงสามารถให้เสียงกระจายเป็นวงกว้างได้ดีแต่มีผู้ใช้รีวิวว่ายังไม่รู้สึกถึงการได้ยินจากด้านบนสักเท่าไหร่ อย่างไรก็ตามถ้าเปรียบเทียบกับซาวด์บาร์ที่ไม่ได้รองรับคุณภาพเสียง Dolby Atmos ก็ค่อนข้างดีกว่าอยู่แล้ว
เจ้าตัวนี้เขาไม่มีรีโมท แต่คุณสามารถใช้งานผ่านแอปพลิเคชั่น SONAS หรือใช้งานผ่านรีโมททีวีได้เลย หากคุณเป็นคนที่ชื่นชอบการสั่งงานด้วยเสียงเขาก็รองรับ Google Asisstant ด้วยหล่ะ
สิ่งที่อัพเดทขึ้นมาอีกอย่างคือช่องเสียบ HDMI eARC ช่วยรองรับเสียงที่มีความแอดวานซ์ขึ้นมาอย่างเช่น Hi-res audio ซึ่งซาวด์บาร์ทั่วๆไปไม่ได้รองรับในส่วนนี้ และแน่นอนว่าด้วยราคาก็จัดว่าแพงอยู่ระดับหนึ่งจะต้องไม่พลาด Wifi
สรุป: ซาวบาร์ยี่ห้อไหนดีเกรดพรีเมียม มีขนาดเล็กแต่แจ๋ว รองรับ Dolby Atoms ให้เสียงกระจายรอบด้าน การใช้งานที่ทันสมัยตอบโจทย์ยุคใหม่ ราคาแพงหน่อยแต่มั่นใจถึงคุณภาพเสียง
จุดเด่น:
- รองรับ Dolby Atmos
- สั่งงานผ่านเสียงได้ เพราะมีไมโครโฟนบิ้วอิน
- ใช้งานผ่านแอปพลิเคชั่นได้
- HDMI eARC แบบใหม่กว่า
- เชื่อม Wifi ได้ ใช้งานกับ Multiroom ได้ดี
- ควบคุมด้วยระบบสัมผัส
จุดด้อย:
- ราคาแพง
- มีช่อง HDMI มาเพียง 1ช่อง
- ไม่มีช่องเสียบสาย USB
- ไม่มี Bluetooth
- ไม่รองรับ DTS:X
- ไม่มีลำโพงซัฟวูฟเฟอร์
เลือกซื้อซาวด์บาร์อย่างไรดี?
ซื้อSoundbarยี่ห้อไหนดีทั้งทีควรดูจากอะไร? คำตอบที่บ้านติฟูลอยากแนะนำคือ ให้คุณเลือกซื้อซาวด์บาร์ตัวที่มีคุณสมบัติตรงตามความจำเป็นในการใช้งาน และจะต้องใช้งานร่วมกับอุปกรณ์อื่นๆที่มีอย่างทีวี 4K ด้วย
การเลือกซื้อ Soundbar ที่ดีที่สุดสามารถพิจรณาได้จากสิ่งดังต่อไปนี้:
1.ขนาดของซาวด์บาร์กับขนาดทีวี
ซาวด์บาร์มีหลากหลายขนาดให้เลือกซื้อ แต่กรณีที่คุณต้องการซื้อซาวด์บาร์ใช้คู่กับทีวีเพื่อเพิ่มการรับประสบการ์ให้มากยิ่งขึ้นไปอีกขั้น
แนะนำว่าควรเลือกซื้อ Soundbar ที่มีขนาดความยาวเท่ากันหรือไม่งั้นก็ใกล้เคียงกับขนาดทีวีที่คุณมีอยู่หรือกำลังวางแผนที่จะซื้อ ในที่นี้คุณจะซื้อซาวด์บาร์ที่อาจจะเล็กกว่าหรือใหญ่กว่าไปนิดนึงก็ได้ (น้อยกว่าหรือมากกว่า 1 นิ้ว) แต่ไม่ควรเล็กเกินไปหรือใหญ่จนเกินไป
เหตุผลคือมันจะช่วยให้การรับเสียงได้ดูสมจริงและมีความเท่ากัน เปรียบเสมือนเสียงนั้นออกมาจากลำโพงทีวีนั่นเอง
สรุป:ยิ่งซาวด์บาร์มีขนาดใหญ่ก็จะช่วยเสริมให้เสียงมีพลังและทำให้คุณได้รับประสบการณ์ที่พิเศษเหมือนอยู่ในโรงหนังมากกว่าการที่มีซาวด์บาร์ขนาดเล็ก แต่ท้ายสุดก็ขึ้นอยู่กับขนาดทีวีของคุณเลือกให้ใกล้เคียงกับทีวีจะดีสุด
2.เลือกซื้อซาวด์บาร์ในรูปแบบ Active
ซาวด์บาร์ในรูปแบบ Active เป็นซาวด์บาร์ที่มีพร้อมครบครันในเครื่องเดียวในขณะที่ตัวเครื่องมีกระทัดรัดไม่เปลืองพื้นที่ ไม่จำเป็นต้องใช้ Reciver และตัวขยายสัญญาณในการใช้งาน ส่วนใหญ่จะมาแบบไร้สายทำให้ใช้งานง่าย จึงเหมาะกับการใช้ควบคู่กับทีวีเป็นอย่างดี
ในทางตรงกันข้ามซาวด์บาร์แบบ Passive จำเป็นต้องใช้คู่กับ ตัวรับสัญญาณ(Reciver) ตัวขยายสัญญาณ (Amphifier) และยังให้เสียงที่ดังทรงพลังมากกว่าด้วย
สรุป: ถ้าคุณกำลังมองหาทางเลือกง่ายๆในการเนรมิตทีวีที่บ้านให้เป็นโรงหนังเล็กๆซาวด์บาร์แบบ Active เป็นตัวเลือกน่าใช้ที่สุดแล้วตอนนี้
3.จำนวน Channel
จำนวน Channel บ่งบอกถึงจำนวนสปีคเกอร์หรือลำโพงที่จะส่งมอบเสียงออกมา ยิ่งมีจำนวนสปีคเกอร์เยอะก็เท่ากับว่ามันจะช่วยทำให้เสียงดังกระจายรอบด้านได้มากกว่า ตัวเลขหลักๆจะมีอยู่ 2 ตัวในการสังเกตุ เช่น X.Y ชาแนล
X หรือตัวเลขตัวแรกจะเป็นจำนวนลำโพงหลักที่อยู่ใน Soundbar
ดังนั้น 2 channel จึงหมายถึงมีสปีคเกอร์ 2 ตัวอยู่ด้านขวาและซ้าย,3 channel มีอยู่ด้านซ้ายขวาและตรงกลาง,5 channel จะเพิ่มลำโพงด้านข้างแยกเพิ่มขึ้นมา โดยแบบ 5 ชาแนลจะเป็นสแตนดาร์ดสำหรับสายดูหนังภาพยนต์
ต่อมาคือตัวเลขตัวที่ 2 หรือ Y ตัวนี้จะบ่งบอกถึงจำนวนลำโพง subwoofer
ลำโพงซัปวูฟเฟอร์ คือลำโพงที่ให้เสียงคลื่นความถี่ต่ำ ทำให้ได้รายะละเอียดของเสียงที่เพิ่มมากขึ้น Soundbar บางรุ่นก็มีลำโพงซัปวูฟเฟอร์บิ้วอินในตัวบางรุ่นก็มีให้แยกออกมา
สรุป: หากคุณใช้แบบเบสิคๆ 2 Channel ก็เพียงพอ ถ้าต้องการเพิ่มอรรถรสในการดูภาพยนต์เรื่องโปรดเลือกซื้อ 3 Channel ขึ้นไปพร้อมกับลำโพงซัปวูฟเฟอร์
4.ตัวเลือกในการเชื่อมต่อ
สุดท้ายเลือก Soundbarยี่ห้อไหนดี อย่าลืมเช็คช่องเสียบการเชื่อมต่ออุปกรณ์ทีวีที่บ้านหรืออุปกรณืเสริมอื่นๆที่คุณต้องการใช้ร่วมกันด้วยหล่ะ หากขั้นตอนนี้ผิดไปคุณอาจจะต้องเสียเงินซาวด์บาร์ซื้อใหม่ไปแบบฟรีๆ หรือจะซื้อทีวีตัวใหม่ไปเลยก็ได้
สิ่งที่ควรเช็คในการเชื่อมต่อซาวด์บาร์กับอุปกรณ์อื่นๆที่สำคัญ ได้แก่
- ช่องเสียบสาย HDMI
เป็นช่องการเชื่อมต่อระหว่างทีวีกับซาวด์บาร์ที่ง่ายที่สุดแล้ว โดยทีวี 4K ส่วนใหญ่รองรับช่อง HDMI อยู่แล้ว ให้คุณสังเกตุที่ช่อง HDMI ตรงด้านหลังทีวีว่ามีคำว่า ARC(Audio Return Channel) หรือเปล่า
ในทีวีระดับไฮเอนอาจจะเป็นช่องเสียบ HDMI eARC ซึ่งเป็นรูปแบบที่ถูกพัฒนาขึ้นมา
- ช่อง Optical Port
ช่องต่อสัญญาณภาพและเสียงแบบออปติคัล เป็นอีกช่องทางในการเชื่อมต่อที่ง่ายและมีความสเถียรดีมาก จึงเป็นอีกททางเลือกที่ควรพิจรณา
- ช่อง USB
ช่องเสียบสาย USB เหมาะกับผู้ที่ต้องการเชื่อมต่ออุปกรณ์จำพวกแฟลตไดรฟ์ เพราะเราคิดว่ายังมีหลายคนที่ยังนิยมอับโหลดหนังเรื่องโปรดหรือลิสเพลงโปรดไว้ในนั้นด้วย
- การเชื่อมต่อ Wifi และ Bluetooth
ทั้งสองตัวนี้ค่อนข้างสำคัญกับทุกคน เพราะปัจจุบันใครๆต่างก็ชอบในความสะดวกสบายในการเชื่อมต่อแบบง่ายๆไม่ต้องมีอะไรซับซ้อน ซาวด์บาร์ที่ต่อWifiและบูธได้จึงเป็นอะไรที่ “ควรมี” กับการใช้คู่ทีวีในปัจจุบัน
สรุปส่งท้าย
เลือกซื้อซาวด์บาร์ยี่ห้อไหนดี เรามีคำตอบให้คุณแล้ว หลังจากนี้ขึ้นอยู่กับคุณแล้วหล่ะว่ายี่ห้อไหนที่ใช่ แบบไหนที่โดน โดยหลักการเลือกซื้อง่ายๆที่เราได้แนะนำไปข้างบนนี้
พร้อมกับซาวด์บาร์ยี่ห้อไหนดีของปี 2023 ที่เราได้คัดเลือกและทำรีวิวสรุปมาให้คุณได้อ่าน หวังว่ามันจะช่วยคุณเลือกซื้อซาวด์บาร์ไว้ใช้ที่บ้านได้นะ แล้วเจอกันในบทความหน้าค่ะ