มีเครื่องทำน้ำแข็งขนาดเล็กไว้ติดบ้านดีๆสักตัว จะช่วยให้คุณมีน้ำแข็งไว้ทำน้ำผลไม้ปั่น คอกเทลอร่อยๆ หรือใส่น้ำเปล่าคลายร้อนระหว่างวันอยู่ตลอดเวลา ไม่จำเป็นต้องไปซื้อจากร้านค้าอยู่บ่อยๆ อีกทั้งยังมั่นใจถึงความสะอาดเพราะคุณควบคุมวัตถุดิบเอง
ข่าวดีคือเราได้เปรียบเทียบหลายๆยี่ห้อในท้องตลาด ทำให้ได้คำตอบว่าเครื่องทำน้ำแข็ง ยี่ห้อไหนดีที่คุณภาพดี ใช้งานได้จริงและมีบริการหลังการขายที่น่าเชื่อถือทั้ง 6 ตัวมาแนะนำให้กับคุณได้พิจรณาดูกันค่ะ
เครื่องทำน้ำแข็งมีระบบทำความสะอาดในตัว: Alectric IC-A12 ซื้อได้ที่ Lazada , Shopee | |
เครื่องทำน้ำแข็งถูกและดี: Esun EIM-15A ซื้อได้ที่ Lazada , Shopee |
รีวิวเครื่องทำน้ำแข็งยี่ห้อไหนดี 6 ตัวที่น่าใช้มากที่สุดของปี
1.Alectric รุ่น IC-A12
- ขนาด: 32x24x32 ซม.
- น้ำหนัก: 8.5 กก.
- ความจุของถังน้ำ: 2.2 ล.
- ตระกร้าน้ำแข็ง: 0.7 กก.
- กำลังไฟ: 100 W
- ประกัน: 3 ปี
โดยรวมเราชอบเครื่องทำน้ำแข็งของ Alectric ในรุ่น IC-A12 มากที่สุดแล้วค่ะ เนื่องจากมีฟีเจอร์ที่ไม่ค่อยเห็นได้ทั่วไปในเครื่องทำน้ำแข็งนั่นก็คือระบบทำความสะอาดตัวเอง ช่วยล้างภายในเครื่องอีกขั้นตอน
ใช้งานโดยการกดปุ่มค้างไว้แปปนึงระบบก็จะทำงานของมันเลย แล้วปุ่มการใช้งานนี้ยังเป็นปุ่มเริ่มและหยุดการทำงาน สรุปคือปุ่มเดียวก็เอาอยู่ครบ
ที่ชอบอีกอย่างคือดีไซน์เขาสวย ดูพรีเมียม ทำด้วยวัสดุพลาสติก ABS ไม่บอบบาง มั่นคงแข็งแรง ด้านบนตัวเครื่องมีไฟแสดงการทำงาน การแจ้งเตือนเมื่อน้ำใกล้จะหมด และมีเซนเซอร์ตรวจจับน้ำแข็งหากน้ำแข็งใกล้จะเต็มตระกร้า
เจ้าตัวนี้ผลิตน้ำแข็งได้ครั้งละ 9 ก้อนต่อการทำงานประมาณ 9 น. วันนึงมันสามารถทำน้ำแข็งได้มากสุดถึง 12 กก. ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ดีเลย หากมีจำนวนสมาชิกในบ้านเยอะ หรือจัดงานปาร์ตี้เล็กๆ
แต่มีข้อควรพิจรณาอย่างหนึ่งคือ มันไม่สามารถเลือกขนาดของน้ำแข็งได้ มีเพียงขนาดเดียว ประมาณนิ้วหัวแม่มือ ซึ่งถือว่าเป็นขนาดที่พอดีสำหรับการใช้ร่วมกับเครื่องดื่ม ยิ่งเก็บไว้ในกระติกน้ำหรือแก้วเก็บความเย็น อยู่ได้นานตลอดวันเลยค่ะ
ผู้ใช้จริงส่วนใหญ่ชอบเครื่องทำน้ำแข็ง ยี่ห้อไหนดีจาก Alectric IC-A12 เพราะแบรนด์มีความน่าเชื่อถือ มีการรับประกันยาวนาน วัสดุคุณภาพดี ใช้งานได้จริง แถมทำความสะอาดเองได้ในตัว เป็นตัวเลือกที่มีความคุ้มค่ากับเงินที่เสียไปมากที่สุดแล้ว
2.Ulka รุ่น 12A/12B
- ขนาด: 22x36x33 ซม.
- น้ำหนัก: 8 กก.
- ความจุของถังน้ำ: 2 ล.
- ตระกร้าน้ำแข็ง: 0.7 ล.
- กำลังไฟ: 100W
- ประกัน: 1 ปี,คอมเพรสเซอร์ 3 ปี
เราเคยรีวิวเครื่องชงกาแฟอัตโนมัติของแบรนด์ ULKA ไปแล้ว วันนี้เราขอรีวิวเครื่องทำน้ำแข็งจากแบรนด์นี้กันบ้าง โดยเราได้เลือกรุ่น 12A/12B มารีวิวเพราะว่ามีรูปแบบตัวเลือกของหน้าดีไซน์ มีสีให้เลือกเยอะแยะมากมาย เมื่อเทียบกับแบรนด์อื่นๆ ได้แก่รุ่น 12A และ 12B วัสดุพลาสติกค่อนข้างหนา แข็งแรง
โดยรุ่น 12A มีสองสีให้เลือก คือสีดำ แดง ฟ้าและสีเงิน รุ่นนี้ฝาปิดทึบทรงโค้ง แต่มีช่องใส่เล็กๆที่มองเห็นตระกร้าภายในตัวเครื่องได้ และอีกรุ่นคือ 12B รุ่นนี้มีเพียงสีดำ แต่ตัวฝาจะเป็นสีใสทรงสี่เหลี่ยมมองเห็นการทำงานด้านในได้มากกว่า
ราคาและฟังก์ชั่นทุกอย่างเหมือนกันหมด ไม่ว่าจะเป็นระบบการเเจ้งเตือนน้ำหมดหรือน้ำแข็งเต็ม ระบบตัดไฟเมื่อไฟกระชาก และท้ายสุดคือความสามารถในการผลิตน้ำแข็งได้ 2 ขนาด ครั้งละ 9 ก้อนภายในเวลา 6 น. ทำได้สูงสุดวันละ 15 กก. เลยทีเดียว เยอะจุใจ แถมยังได้น้ำแข็งสะอาดๆ กรอบ เคี้ยวสนุกอีกด้วย
ผู้ใช้จริงหลายคนนอกจากจะชอบสีสันของมันแล้วยังชื่นชอบการบริการหลังการขายของแบรนด์นี้มากด้วย นั่นแปลว่าหากมีข้อผิดพลาดอะไรเกิดขึ้น ติดต่อร้านได้ง่าย อุ่นใจมากขึ้น นับว่าเป็นเครื่องทำน้ำแข็ง ยี่ห้อไหนดีอีกรุ่นที่น่าซื้อมากๆเลยค่ะ
3.Esun รุ่น EIM-15A
- ขนาด: 22.2×31.2×32 ซม.
- น้ำหนัก: 7.1 กก.
- ความจุของถังน้ำ: 2 ล.
- ตระกร้าน้ำแข็ง: 0.7 กก.
- กำลังไฟ: 120W
- ประกัน: 1 ปี
มองหาเครื่องทำน้ำแข็ง ยี่ห้อไหนดี ที่คุณภาพดีแต่ราคาไม่แพง? เราว่าของแบรนด์ Esun รุ่น EIM-15A โอเคเลยค่ะ โครงสร้างพลาสสิก หนาทนทาน สีขาวสวยงาม มีระบบการแจ้งเตือนที่ควรมีในเครื่องทำน้ำแข็ง ได้แก่ การเเจ้งเตือนน้ำหมดและเตือนว่าน้ำแข็งเต็มตระกร้า แสดงสัญญาณไฟบนตัวเครื่อง
เจ้าตัวนี้สามารถผลิตน้ำแข็งได้มากถึง 15 กก. ต่อวัน ซึ่งถือว่าเยอะกว่าในหลายๆรุ่นในท้องตลาดเลยค่ะ แต่ละครั้งมันทำออกมาได้ 9 ก้อน แถมมันยังมีฟังก์ชั่นเลือกขนาดของน้ำแข็งได้ด้วย
เลือกได้ 2 ขนาด โดยขนาดเล็กใช้เวลาประมาณ 6 น. ขนาดใหญ่ใช้เวลาประมาณ 10 น. ใครที่ต้องการฟังก์ชั่นนี้ไม่ควรพลาดเลยค่ะ เอาเป็นว่าใครที่อยากทำน้ำแข็งสะอาดๆไว้กินเองที่บ้าน แต่ราคาไม่แพงกระเป๋าฉีก ลองพิจรณาตัวนี้ดูนะคะ
4.Hafele รุ่นขนาด 2 ลิตร
- ขนาด: 22.5×31.3×33.4 ซม.
- น้ำหนัก: 8 กก.
- ความจุของถังน้ำ: 2 ล.
- ตระกร้าน้ำแข็ง: 0.7 ล.
- กำลังไฟ: 120W
- ประกัน: –
เราได้เลือกเครื่องทำน้ำแข็งจากแบรนด์ Hafele เพราะชอบโครงสร้างที่มีส่วนประกอบของสแตนเลสสตีลและพลาสติก ช่วยเพิ่มความแข็งแรง มั่นใจมากขึ้น มี 2 สี คือสีสแตนเลสสตีล เงินๆเทาๆ และสีแดง สวยเก๋ ผู้ใช้งานจริงหลายคนพึงพอใจในการใช้งานรุ่นนี้มากๆ
โดยรวมการใช้งานเหมือนเครื่องทำน้ำแข็งทั่วๆไปเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการเลือกขนาดของน้ำแข็งได้ 2 ขนาด พร้อมระบบการแจ้งเตือนต่างๆ อย่างระเบบเตือนเรื่องน้ำและระบบเตือนปริมาณน้ำแข็งล้น
เจ้าตัวนี้สามารถผลิตน้ำแข็งได้ครั้งละ 9 ก้อนใช้เวลาประมาณ 10 น. ถ้าน้ำแข็งก้อนเล็กอาจผลิตได้เร็วกว่านั้น ต่อวันผลิตได้มากถึง 12 กก. เราไม่ขอรีวิวมากเพราะสินค้าเขามีคุณภาพ ใช้ได้จริงเหมือนเครื่องทำน้ำแข็งแบรนด์อื่นๆเลย แต่เพราะเป็นแบรนด์ที่คุ้นหู และน่าเชื่อถือ จึงเป็นตัวเลือกที่เราอยากแนะนำ
5.Smarthome รุ่น SM-ICM2022
- ขนาด: 25.5x27x37 ซม.
- น้ำหนัก: 4 กก.
- ความจุของถังน้ำ: 1.5 ล.
- ตระกร้าน้ำแข็ง:-
- กำลังไฟ: 112
- ประกัน: 3 ปี
Smarthome รุ่น SM-ICM2022 เป็นเครื่องทำน้ำแข็งที่ใช้ได้ดีเลยทีเดียวค่ะ หากใครอยากได้น้ำแข็งสะอาดๆไว้กินที่บ้านเราขอแนะนำ โดยสามารถผลิตน้ำแข็งได้ 9 ก้อนต่อครั้ง ใช้เวลา 6-9 น. เลือกปรับขนาดได้ 2 ขนาด ตัวเครื่องมีฉนวนกันความร้อนปกป้องความร้อนของการทำงานและก้อนน้ำแข็ง แต่ช่องเติมน้ำจุได้เล็กไปหน่อยเมื่อเทียบกับแบรนด์อื่นๆ โดยรวมผู้ใช้งานจริงชอบ เพราะราคาไม่แพงและยังมีความน่าเชื่อถือ
ทำไมควรมีเครื่องทำน้ำแข็งไว้ติดบ้าน
ตู้เย็นส่วนใหญ่จะมาพร้อมกับถาดน้ำแข็งหรือตัวทำน้ำแข็งที่เป็นแบบลิ้นชัก ซึ่งบางทีก็ผลิตน้ำแข็งได้ไม่เพียงพอต่อความต้องการในขณะนั้น แต่เครื่องทำน้ำแข็งจะช่วยแก้ปัญหานั้นได้
โดยมันถูกดีไซน์มาให้ทำน้ำแข็งได้ในปริมาณที่เพิ่มมากขึ้นภายในเวลาที่เร็วกว่า ด้วยเหตุผลนี้จึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมหลายๆคนจึงเลือกที่จะซื้อมัน นอกจากนั้นแล้วเครื่องทำน้ำแข็งขนาดเล็กยังมีข้อดีอีกมากมาย อาทิเช่น
- พกพาได้: เครื่องทำน้ำแข็งขนาดเล็กสามารถพกพาได้
- สะอาดปลอดภัย: มั่นใจในความสะอาดของน้ำแข็งมากขึ้น ปลอดภัยจากเชื้อโรค เมื่อเทียบกับการซื้อจากภายนอกที่เราไม่อาจทราบความเป็นมาของแหล่งที่มาของน้ำ กระบวนการผลิต การบรรจุหีบห่อ หรือการขนส่ง
- ง่ายต่อการติดตั้งและใช้งาน: ไม่จำเป็นต้องใช้ผู้ชำนาญในการติดตั้ง เพียงเสียบปลั๊ก เติมน้ำ กดปุ่มตั้งค่า ก็ใช้งานได้เลย หากใช้งานเสร็จเรียบร้อยแล้วอย่าลืมทำความสะอาด เทน้ำทิ้งผ่านรูระบายน้ำ ผึ่งแห้งเพื่อป้องกันเชื้อราด้วยหล่ะ
- มีตัวเลือกของไซส์น้ำแข็ง: คุณสามารถเลือกขนาดของก้อนน้ำแข็งได้! ส่วนใหญ่จะมา 2 ขนาด ได้แก่ขนาดใหญ่และเล็ก
ข้อควรพิจรณาในการซื้อเครื่องทำน้ำแข็ง
ถึงแม้ว่าเครื่องทำน้ำแข็งจะเป็นอุปกรณ์ตัวช่วยที่ทำให้ชีวิตง่ายขึ้นแล้ว แต่ไม่ว่าจะเป็นของยี่ห้อไหน รุ่นไหน ล้วนมีข้อจำกัดของมัน ข้อควรรู้ก่อนตัดสินใจเลือกซื้อ ได้แก่
- กินพื้นที่: ถึงแม้ว่ามันจะมีขนาดเล็กแต่มันก็สามารถยังใช้พื้นที่ในการจัดวางและจัดเก็บเยอะอยู่เหมือนกัน
- ใช้เวลาในการผลิต: เครื่องทำน้ำแข็งค่อนข้างใช้เวลาในการผลิตนำ้แข็งออกมาในแต่ละครั้ง อาจไม่เหมาะกับคนที่ต้องการน้ำแข็งแบบเร่งด่วน
- ไม่สามารถเก็บน้ำแข็งได้นาน: เมื่อผลิตน้ำแข็งในปริมาณที่ต้องการออกมาแล้วควรใช้ทันทีหรือควรย้ายไปเก็บที่ช่องฟริซ
- ต้องเติมน้ำบ่อยๆ: จะต้องเติมน้ำเพื่อใช้งานอยู่ตลอด เพื่อให้ได้น้ำแข็งในปริมาณที่ต้องการ
- ความเร็วของการทำงานอาจขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่นๆ: อย่างเช่นถ้าจัดวางในที่อุณหภูมิห้องสูง มีแดดจ้า หรือหากใส่น้ำอุ่น เครื่องก็จะผลิตน้ำแข็งได้ช้าลง
- ใส่ได้เฉพาะน้ำเปล่าเท่านั้น: ไม่ควรใส่เครื่องดื่มอื่นๆ อย่างเช่นน้ำหวาน เพราะจะทำให้เครื่องพังได้
- ทำความสะอาดอยู่เป็นประจำ: หลังการใช้งานทุกครั้ง ควรทำความสะอาด เช็ดให้แห้งเพื่อป้องกันคราบสะสมและเชื้อรา ซึ่งอาจนำมาของเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกาย
สรุปซื้อเครื่องทำน้ำแข็งดีไหม?
- ซื้อหาก: ต้องการน้ำแข็งร่วมกับเครื่องดื่มในชีวิตประจำวันในปริมาณมาก มีจำนวนสมาชิกในบ้านเยอะ มีการคำนึงถึงความสะอาดของน้ำและกระบวนการผลิต เครื่องทำน้ำแข็งก็จะตอบโจทย์การใช้งานได้ดีเลยทีเดียว
- ไม่ควรซื้อหาก: ถ้าไม่ได้ทานน้ำแข็งบ่อยๆ ปกติใช้แค่ 1 ถาด(ถาดน้ำแข็งแช่ช่องฟริซ) อาศัยอยู่ 1-2 คน ต้องการน้ำแข็งเร็วๆ และซีเรียสใสเรื่องของการใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน เครื่องทำน้ำแข็งดูเหมือนว่าจะไม่จำเป็นกับคุณเลย
วิธีการเลือกซื้อเครื่องทำน้ำแข็ง ยี่ห้อไหนดี
สิ่งที่ควรมีในเครื่องทำน้ำแข็งพกพาได้ในทุกๆรุ่น ได้แก่ ระบบการแจ้งเตือนระดับน้ำ ระบบเซนเซอร์แจ้งเตือนตระกร้าน้ำแข็ง พัดลม,รูระบายอากาศ และรูระบายยน้ำในการปล่อยน้ำทิ้ง บทความของเราได้คัดเลือกมาให้กับคุณแล้ว
แต่สิ่งที่ควรพิจรณาในความต้องการส่วนบุคคลตามข้างล่างนี้จะนำพาคุณไปพบกับเครื่องทำน้ำแข็งยี่ห้อที่ดีที่สุดนั่นเองค่ะ
ขนาดและความจุของตัวเครื่อง
จำเป็นที่จะพิจรณาขนาดของตัวเครื่องเพื่อที่จะไม่ไปรบกวนพื้นที่จัดวางและจัดเก็บภายในบ้าน เพราะถึงแม้ว่ามันจะเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็ก แต่เจ้าเครื่องทำน้ำแข็งก็สามารถยึดพื้นที่บนเคาเตอร์ครัวของคุณไปเยอะพอสมควร
หากคุณต้องการพกมันไปหลายๆที่ น้ำหนักก็จะมีส่วนสำคัญขึ้นมา เลือกเครื่องทำน้ำแข็งที่มีน้ำหนักเบาก็จะสะดวกมากกว่า
แต่ถ้าขนาดและน้ำหนักไม่ได้เป็นปัญหาสำคัญในการเลือกซื้อเครื่องทำน้ำแข็ง ยี่ห้อไหนดี คุณควรเช็คปัจจัยอีกปัจจัยที่สำคัญมากๆนั่นก็คือ ปริมาณความจุ
ได้แก่ ความจุของถังน้ำแข็งที่รองรับ ส่วนใหญ่จะมีระบบเซนเซอร์ที่แจ้งว่าเครื่องได้ผลิตน้ำแข็งได้เต็มถังแล้ว เผื่อกรณีที่คุณต้องการใช้ผลิตน้ำแข็งครั้งละมากๆเพื่อนำแช่เก็บช่องฟริซสำหรับใช้ครั้งอื่นๆ และให้ดูความจุของถังสำหรับใส่น้ำ ถ้าถังน้ำจุได้เยอะก็จะช่วยให้เราไม่ต้องไปเติมน้ำบ่อยๆ
ปริมาณของน้ำแข็งและระยะเวลาในการทำงาน
ส่วนนี้เราจะดูว่ามันมีแกนผลิตน้ำแข็งกี่อัน เพื่อให้เราคาดเดาได้ว่าการทำงาน 1 ครั้งจะทำให้เราได้รับน้ำแข็งกี่ก้อน แล้วจะต้องทำกี่ครั้งเพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการ แล้วน้ำแข็งเต็มถังหล่ะ จะต้องใช้เวลากี่นาที กี่ชั่วโมง ดังนั้นมองหาเครื่องทำนำ้แข็งที่ทำงานครั้งละปริมาณมากๆแล้วทำงานได้เร็วจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด
ทั้งนี้กระบวนการการทำงานจะขึ้นอยู่กับปัจจัยภายนอกอย่างเช่น อุณหภูมิห้องด้วย หลายรีวิวผู้ใช้งานแนะนำให้ใช้น้ำเย็นร่วมจะช่วยผลิตน้ำแข็งได้เร็วมากขึ้น
ขนาดของน้ำแข็ง
เครื่องทำน้ำแข็ง ยี่ห้อไหนดีมักจะมีระบบฟังก์ชั่นเลือกขนาดของน้ำแข็งมาให้อย่างน้อย 2 ขนาด คือขนาดเล็กและขนาดใหญ่ ช่วยเพิ่มตัวเลือกที่หลากหลายในการใช้งานได้มากยิ่งขึ้น
สรุปส่งท้าย
จากการสังเกตุพบว่าผู้ใช้ส่วนใหญ่เลือกซื้อเครื่องทำน้ำแข็ง ยี่ห้อไหนดีเพราะว่ามั่นใจว่าน้ำแข็งมีความสะอาด ไม่ติดเชื้อโรคถึงแม้เครื่องทำน้ำแข็งจะใช้เวลาการทำงานค่อนข้างนานในการผลิตในปริมาณมากๆ จึงอยากให้คุณพิจรณาให้รอบคอบก่อนตัดสินใจซื้อ สุดท้ายนี้เราหวังว่าบทความแนะนำเครื่องทำน้ำแข็ง ยี่ห้อไหนดีของเราจะช่วยคุณตัดสินใจได้นะคะ