บทความนี้เรานำเสนอตู้แช่แข็ง ยี่ห้อไหนดีสำหรับใช้งานในบ้านที่เราได้คัดเลือกมาทั้งหมด 5 ตัวด้วยกัน โดยเราเลือกจากขนาดและความสามารถในการแช่ 2 ระบบ อีกทั้งยังเป็นแบรนด์ที่ไว้วางใจได้ นอกจากนั้นเรายังได้นำข้อดีและข้อเสียของการมีตู้แช่เเข็งไว้ใช้ที่บ้านมาให้กับคุณผู้อ่านทุกท่านได้พิจารณา
5 ตู้แช่แข็ง ยี่ห้อไหนดีไว้ใช้งานที่บ้านที่ดีที่สุดของปี 2023
เราได้เรียงลำดับจากขนาดเล็กสุดไปใหญ่สุดของตู้แช่แข็ง ยี่ห้อไหนดีให้คุณได้เลือก มียี่ห้อไหน รุ่นไหนบ้างไปดูกัน!
1.Sonar รุ่น BD-41L
| ความจุ: 1.4 คิว ขนาด: 45×41.5×65 ซม. ประกัน: 1 ปี, คอมเพรสเซอร์ 3 ปี |
ถ้าคุณกำลังมองหาตู้แช่แข็ง ยี่ห้อไหนดีขนาดเล็กสำหรับแช่ของอย่างใดอย่างหนึ่ง อย่างเช่นคุณแม่ที่ต้องการเก็บตุนน้ำนม ตู้แช่แข็งจาก Sonar BD-41L ด้วยความจุ 41 ล. นี้จะตอบโจทย์การใช้งานได้ดีเลยทีเดียวค่ะ ขนาดเล็กแต่ให้ลมเย็นรวดเร็ว สม่ำเสมอ ลมกระจายทั่วทิศทาง
อีกทั้งยังเลือกปรับระดับอุณหภูมิได้มากถึง 7 ระดับ ตั้งแต่ -4°C ถึง -20°C เลือกแช่นม เครื่องดื่มให้เย็นตลอดวัน หรือแช่ของสด อาหารแช่แข็ง รักษาอายุอาหารให้ยาวนาน สรุปแล้ว Sonar BD-41L ควรค่าแก่การมี เพราะนอกจากจะขนาดเล็กกระทัดรัด ประหยัดพื้นที่แล้ว ยังเป็นแบรนด์ที่น่าไว้วางใจ มั่นใจถึงคุณภาพและความปลอดภัย และมาในราคาเบาๆ อีกด้วย
2.Worldtech รุ่น WT-FZ100
| ความจุ: 3.5 คิว ขนาด: 47×44.5×80 ซม. ประกัน: 3 ปี |
มองหาตู้แช่แข็งขนาดใหญ่ขึ้นมาหน่อย เราได้หยิบตู้แช่แข็งจาก Worldtech ในรุ่น WT-FZ100 มาแนะนำให้กับคุณ โดยรุ่นนี้จุได้มากสุดที่ 99 ล. จุได้เยอะมากขึ้นมาจากอันดับแรก ขนาดโดยรวมใหญ่กว่านิดหน่อย แต่ยังคงเป็นขนาดที่พอดีสำหรับการใช้งานในครัวเรือน ไม่เล็กและไม่ใหญ่จนเกินไป
สามารถแช่ได้ 2 ระบบทั้งแช่เย็นและแช่แข็ง จึงตอบโจทย์การใส่ของได้หลากหลาย รุ่นนี้ปรับได้ 7 ระดับเช่นเดียวกัน แต่ปรับอุณหภูมิได้กว้างกว่า ตั้งแต่ 5°C ถึง -24°C สรุปแล้วมันเป็นรุ่นขนาดพอดี ประหยัดพื้นที่ ตอบโจทย์การใช้งานที่บ้านไม่แพ้กัน
3.CHiQ รุ่น CCF142
| ความจุ: 5 คิว ขนาด: 63.5×55.6×84 ซม. ประกัน: 3 ปี |
หากคุณกำลังต้องการตู้แช่แข็งที่มีขนาด 5 คิวขึ้นไปแต่ยังคงประหยัดพื้นที่ในการจัดวาง CHiQ รุ่น CCF142 ขนาดความจุ 142 ล. คือคำตอบ จุได้เยอะแต่ขนาดพอดีกับการใช้งานในครัวเรือน ไม่กินพื้นที่
ปรับระดับอุณหภูมิได้ครอบคลุมการแช่เย็นและแช่แข็ง 5°C ถึง -24°C ความพิเศษเพิ่มของรุ่นนี้คือมีที่ใส่กุญแจล็อค ป้องกันการเข้าถึงของเด็กเล็ก รวมไปถงขาตั้งพื้นที่สามารถปรับระดับได้ ช่วยอำนวยความสะดวกหากต้องการตั้งในบริเวณพื้นขรุขระ สรุปแล้ว CHiQ CCF142 เป็นตู้แช่แข็ง ยี่ห้อไหนดีอีกตัวที่ขอแนะนำเลยค่ะ
4.Haier รุ่น HCF-145HM2
| ความจุ: 5.1 คิว ขนาด: 70.5×54.5×84.5 ซม. ประกัน: 3 ปี, คอมเพรสเซอร์ 5 ปี |
มองหาตู้แช่แข็งขนาดใหญ่ไว้ใช้ง่านที่บ้านอยู่หรือเปล่า? เราขอแนะนำตู้แช่แข็งจากแบรนด์คุณภาพชั้นนำ Haier ในรุ่น HCF-145HM2 ขนาด 145 ล. ตอบโจทย์การแช่อาหารสด อาหารแช่แข็ง รวมไปถึงเครื่องดื่มต่างๆ ตัวเลือกอุณหภูมิกว้างขึ้นมา ตั้งแต่ 10°C ถึง -25°C ครอบคลุมการเก็บรักษาทุกระบบการแช่
ผนังภายในสีขาวเรียบเนียน สะอาดตา อีกทั้งมีไฟ LED ช่วยส่องแสงสว่างอำนวยความสะดวกในการใช้งาน มีตัวล็อคประตู ป้องกันการเปิดปิดจากเด็กเล็ก ท้ายสุด Haier รุ่น HCF-145HM2 เป็นตัวเลือกที่น่าลงทุนมากๆอีกตัวค่ะ
5.Hisense รุ่น RF259N4TW1
| ความจุ: 7.3 คิว ขนาด: 80.2×55.9×85.4 ซม. ประกัน: 3 ปี |
ตู้แช่แข็งขนาดใหญ่จุใจ 208 ล. จาก Hisense ในรุ่น RF259N4TW1 ที่จะรองรับการใช้แช่อาหารและเครื่องดื่มได้มาก สามารถเลือกปรับระดับอุณหภูมิได้ 8 ระดับ มาพร้อมกับความสามารถในการแช่ยาวนานมากถึง 135 กรณีเกิดเหตุฉุกเฉินอย่างไฟฟ้าดับ ภายในสีขาวเรียบเนียนสะอาดตา พร้อมไฟ LED ช่วยให้มองเห็นได้ง่ายในการใช้งาน อีกทั้งยังมีตัวล็อคประตู ป้องกันการเข้าถึงของเด็กเล็กเช่นกัน หากนี่คือคุณสมบัติที่คุณกำลังตามหาอยู่ อย่ารอช้าเลย!
การเลือกตู้แช่แข็งสำหรับใช้งานในบ้าน
ปัจจัยทั้ง 3 ข้อข้างล่างนี้จะช่วยเป็นแนวทางในการเลือกซื้อตู้แช่แข็งยี่ห้อไหนดีสำหรับใช้งานในบ้าน
ความจุ
ปริมาณหรือความจุของตู้แช่แข็งเป็นเรื่องสำคัญ เพราะส่งผลต่อการจัดเก็บอาหารหรือเครื่องดื่มที่ต้องการแช่ หากต้องการใช้สำหรับครอบครัวขนาดเล็กเน้นแช่หลายอย่างความจุ 5 คิวก็ตอบโจทย์ ทั้งนี้ขึ้นอยู่การพิจารณาส่วนบุคคลว่าคุณต้องการขนาดไหน
ฟังก์ชั่นการทำงาน
ตู้แช่แข็งในบางรุ่นมี 2 ระบบคือระบบแช่แข็งและระบบแช่เย็น สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามต้องการ แต่ขึ้นอยู่กับความต้องการใช้งานของคุณเช่นกันว่า มันจำเป็นกับความต้องการของคุณหรือเปล่า หากคุณต้องการการใช้งานที่หลากหลายตู้แช่แข็งแบบ 2 in 1 จึงเป็นทางเลือกที่ดีกว่า
ระบบความปลอดภัยและคงความเย็น
เลือกตู้แช่แข็งที่มีฟังก์ชั่นการตัดไฟโดยอัตโนมัติ ป้องกันการเกิดกรณีฉุกเฉิน เช่น ไฟดับ หรือเครื่องทำงานหนักเกินไป และเพื่อป้องกันอันตรายที่อาจจะเกิดตามมาได้ นอกจากนี้ตู้แช่เย็นควรรักษาความเย็นไว้ได้ยาวนาน จะทำให้อาหารสด หรือ เครื่องดื่มต่างๆ ภายในตู้ไม่เน่าเสีย
นอกจากปัจจัยทั้ง 3 ข้อที่เราได้แนะนำไปข้างต้นแล้ว คุณควรเช็คทั้งข้อดีและข้อเสียของการมีตู้แช่แข็งไว้ที่บ้านเพื่อใช้ในการประกอบการตัดสินใจ อ่านเพิ่มเติมในหัวข้อต่อไปนี้ได้เลยค่ะ
ข้อดีของการมีตู้แช่แข็งไว้ใช้ที่บ้าน
การมีตู้แช่แข็งไว้ใช้งานที่บ้านนั้นช่วยอำนวยความสะดวกและให้ประโยชน์หลากหลายประการ ต่อไปนี้เป็นข้อดีที่คุณสามารถเอาไปประกอบการตัดสินใจว่าคุณต้องการตู้แช่แข็งหรือไม่
- ช่วยเก็บรักษาอาหาร: ตู้แช่แข็งจะช่วยให้คุณจัดเก็บอาหารให้อยู่ได้นานขึ้นอย่างเช่นเนื้อสัตว์ โดยไม่เสี่ยงต่อการเน่าเสียโดยเปล่าประโยชน์ อีกทั้งยังช่วยให้คุณสามารถกักตุนอาหารหากต้องการซื้ออาหารจำนวนมาก ซึ่งวิธีนี้จะช่วยให้คุณประหยัดเงินและลดความถี่ในการซื้อของได้อีกด้วย
- ช่วยแช่น้ำนมและเครื่องสำอาง: ตู้แช่แข็งจะตอบโจทย์เหล่าคุณแม่ที่ต้องการสต๊อกน้ำนมแยกเก็บไว้เป็นอย่างดีเยี่ยม รวมไปถึงเครื่องสำอางและสกินแคร์บางรายการที่ต้องเก็บในที่ที่มีอุณหภูมิที่เฉพาะเจาะจง
- ช่วยเตรียมพร้อมในกรณีฉุกเฉิน: ในช่วงที่ไฟฟ้าดับหรือเหตุฉุกเฉินอื่นๆ ตู้แช่แข็งสามารถทำหน้าที่เป็นตัวเลือกในการจัดเก็บพื้นที่สำรองเพื่อป้องกันไม่ให้อาหารที่เน่าเสียง่ายของคุณเน่าเสีย เนื่องจากตู้แช่แข็งมักจะมีระบบกักเก็บความเย็นได้นานกว่าตู้เย็นหลังเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินเช่นนี้ ดังนั้นมันจะช่วยให้คุณสามารถตุนสิ่งของที่จำเป็นและรักษาเสบียงอาหารไว้ได้ในสถานการณ์ที่ไม่คาดฝันได้ดีเลยค่ะ
ท้ายที่สุดการตัดสินใจเลือกตู้แช่แข็งขึ้นอยู่กับไลฟ์สไตล์ พฤติกรรมการทำอาหารและความต้องการส่วนตัวของคุณ หากคุณมักจะพบว่าตัวเองต้องการพื้นที่เก็บอาหารเพิ่มเติมหรือหากประโยชน์ที่กล่าวมาข้างต้นตรงกับคุณ การมีตู้แช่แข็งในบ้านอาจเป็นการลงทุนที่คุ้มค่ามากเลยทีเดียวค่ะ
ข้อเสียของการมีตู้แช่แข็งไว้ใช้ที่บ้าน
แม้ว่าการมีตู้แช่แข็งที่บ้านจะเป็นประโยชน์ แต่ก็มีข้อเสียบางประการที่ควรพิจารณา ได้แก่
- การใช้พลังงาน: ตู้แช่แข็งต้องใช้ไฟฟ้าในการทำงาน และอาจใช้พลังงานจำนวนมาก ขึ้นอยู่กับรุ่นและระดับประสิทธิภาพ สิ่งเหล่านี้อาจมีส่วนทำให้ค่าพลังงานสูงขึ้น สิ่งสำคัญคือต้องเลือกตู้แช่แข็งที่ประหยัดพลังงาน ดูได้จากฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 และคำนึงถึงวิธีใช้งานเพื่อลดการใช้พลังงานด้วย
- ข้อกำหนดด้านพื้นที่: ตู้แช่แข็งโดยเฉพาะรุ่นที่ใหญ่จะใช้พื้นที่จำนวนมากในบ้านของคุณ การหาจุดที่เหมาะสมสำหรับช่องแช่แข็งอาจเป็นเรื่องที่ท้าทาย สิ่งสำคัญคือต้องดูพื้นที่ว่างและดูว่าสามารถรองรับช่องแช่แข็งโดยไม่ก่อให้เกิดความไม่สะดวกหรือความแออัดมากจนก่อให้เกิดความรำคาญใจ
- การจัดการพื้นที่ภายใน: ตู้แช่แข็งอาจสร้างความลำบากในการใช้งาน ทำให้ยากต่อการติดตามสิ่งของที่เก็บไว้ภายใน อาจเป็นเรื่องง่ายมากที่จะลืมอาหารบางชนิด ซึ่งนำไปสู่การสูญเสียเนื่องจากหมดอายุหรือสูญเสียคุณภาพ หากไม่มีการจัดให้เป็นระเบียบ
การพิจารณาถึงข้อเสียที่อาจเกิดขึ้นเหล่านี้สามารถช่วยให้คุณตัดสินใจได้อย่างชาญฉลาดว่าการมีตู้แช่แข็งนั้นสอดคล้องกับความต้องการและไลฟ์สไตล์ของคุณหรือไม่
สรุปส่งท้าย
การเลือกตู้แช่แข็งนั้นไม่ได้ยากเลยค่ะ คุณจะต้องคำนึงถึงความต้องการในการใช้งานเป็นอันดับแรก และดูงบประมาณที่เรามี เพื่อเลือกซื้อตู้แช่แข็งที่ตอบโจทย์และคุ้มค่ากับเม็ดเงินที่เสียไป หวังว่าบทความของเราจะเป็นประโยชน์ต่อการเลือกซื้อตู้แช่เเข็งไม่มากก็น้อยนะคะ แล้วเจอกันบทความหน้าค่ะ
