มีเครื่องชงกาแฟไว้ติดบ้านเพื่อที่จะทำให้ได้ดื่มกาแฟทดแทนการออกไปซื้อที่ร้านแน่นอน โดยเฉลี่ยเเล้วประหยัดกว่าด้วยหากคุณเป็นคนหนึ่งที่กำลังมองหาเครื่องชงกาแฟ ยี่ห้อไหนดีที่สุด ไว้ใช้ที่บ้านของปีนี้อยู่แล้วหล่ะก็ บทความของเราได้นำทั้ง 10 อันดับยอดนิยมมารีวิวเพื่อเป็นไอเดียในการตัดสินใจ ตามไปอ่านกันเลยค่า
ยาวไปไม่อ่าน งั้นเราสรุปให้!
10 อันดับเครื่องชงกาแฟ
1.Nescafe Dolce Gusto รุ่น Genio S plus
ขนาด: 11x27x29 ซม.
แรงดันน้ำ: 15 บาร์
ความจุของถังน้ำ: 800 มล.
ในส่วนของถ้วยกาแฟแคปซูลจากแบรนด์ยังมีเมนูให้เลือกซื้อมากมาย ไม่ว่าคุณจะชอบเอสเพรสโซ่เข้มๆ หรือกาแฟผสมนมอย่างลาเต้ เพียงเเค่ใส่ถ้วยแคปซูลลงไปในเครื่องแล้วกดปุ่มทำงาน ไม่มีสตีมฟองนมให้ยุ่งยากช่วยประหยัดเวลาได้เยอะมากขอบอก และถ้าคุณเป็นแฟนตัวยงของ Starbuck ถ้วยแคปซูลของเขาก็ใช้ร่วมกันได้นะ
การใช้เครื่องชงกาแฟแคปซูลเป็นอะไรที่ง่ายและสะดวกโดยเลือกได้ตั้งแต่การปรับอุณหภูมิซึ่งมี 4 ระดับ จากนั้นเลือกระดับน้ำที่ต้องการ มีให้เลือกระดับ 7 บวกระดับ XL ซึ่งเหมาะกับคนชอบดื่มกาแฟแก้วใหญ่ปริมาณมากถึง 300 มล. ทั้งหมดนี้ใช้งานเพียงเเค่กดปุ่มประกอบกับวงแหวนสัญญาณไฟ LED ที่เข้าใจได้ง่าย
ที่สำคัญรุ่นนี้ยังมาพร้อมกับฟังก์ชั่นพิเศษเจ๋งๆมากมาย ได้แก่ Espresso Boots เทคโนโลยีเพื่อเพิ่มความเข้มข้นและหอมอโรม่า, ฟังก์ชั่นกำจัดคราบตะกรันพร้อมระบบเตือน และฟังก์ชั่น Eco ที่จะหยุดการทำงานอัตโนมัติหากไม่ใช้งานใน 1 น.
เหมาะกับ: ผู้ที่ต้องการกาแฟพร้อมดื่มทั้งเมนูร้อนและเย็นครอบคลุมหลายประเภทและไม่ต้องมีขั้นตอนเยอะ แต่ยังชงกาแฟได้ออกมาอร่อยเหมือนมีบาริสต้าชงให้
- ขนาดกระทัดรัด ใช้งานง่าย
- ใช้งานผ่านปุ่มกดและวงแหวน LED
- ใช้ชงเมนูหลากหลาย,สามารถใช้กับแคปซูลของ Starbuck
- เลือกระดับน้ำได้ 7 ระดับ
- เลือกอุณหภูมิได้ 4 ระดับ (ได้ทั้งเครื่องดื่มร้อนและเย็น)
- มีฟังก์ชั่นชงกาแฟขนาด XL
- มีฟังก์ชั่นทำความสะอาดคราบตะกรัน
- มีระบบ Eco ประหยัดพลังงาน
- ราคาค่อนข้างสูง
- ชงได้เฉพาะต่อแก้ว
2.Duchess รุ่น CM3000B
ขนาด: 19x27x29 ซม.
แรงดันน้ำ: 15 บาร์
ความจุของถังน้ำ: 1,500 มล.
ถ้าคุณชื่นชอบการชงกาแฟสด เราขอแนะนำ Duchess CM3000B เป็นรุ่นขนาดเล็กใช้แรงดันนำ้ 15 บาร์ แต่ก็เพียงพอต่อการชงกาแฟสดที่บ้านได้อร่อยและคุณภาพไม่แพ้กัน มันยังใช้ทำเมนูเครื่องดื่มร้อนอย่างอื่นได้ เช่นชาไทย หรือนมช็อคโกแลตเนื่องจากมันมีก้านสตีมนมให้ใช้งานด้วยค่ะ
สิ่งโดดเด่นของมันคือระบบการใช้งานที่เข้าใจง่าย ไม่ซับซ้อน มีรูปภาพประกอบที่ตัวเครื่องชัดเจน เพียงแค่กดสวิตซ์เปิดเครื่อง จากนั้นกดสวิตซ์โหมดการทำงาน มี 2 โหมดคือชงกาแฟและสตีมนม จากนั้นรอสัญญาณไฟหยุดนิ่ง แล้วหมุนปุ่มด้านข้างตามรูปโหมดที่ใช้งานเพื่อให้เครื่องเริ่มทำงานได้ หลังจากนั้นคุณก็จะได้กาแฟภายในเวลาอันรวดเร็ว แต่โหมดสตีมนมอาจใช้เวลาเล็กน้อยเพราะเป็นรุ่นเล็ก
เหมาะกับ: ผู้ที่กำลังมองหาเครื่องชงกาแฟเอสเพรสโซ่ ขนาดเล็กไว้ใช้งานที่บ้าน ราคาไม่แพง สามารถสตีมนมและทำเมนูร้อนอื่นๆได้
- เครื่องชงกาแฟเอสเพรสโซ่เบสิค
- สตีมนมได้
- ใช้งานง่าย ขั้นตอนน้อย ผ่านปุ่มกดและปุ่มหมุน
- ขนาดเล็กกระทัดรัด
- ไม่มีฟังก์ชั่นให้เลือกในการใช้งานมาก
- ไม่สามารถชงกาแฟและสตีมนมได้พร้อมกัน
3.Bialetti รุ่น Brikka
ขนาด: 12x16x21.5 ซม.
ความจุ: 4 ถ้วยหรือ 180 มล.
หากคุณชอบกาแฟเอสเพรสโซ่เข้มข้น หม้อต้มกาแฟมอคค่าพอทจาก Bialetti รุ่น Brikka แบบดั้งเดิมของอิตาลีคือตัวเลือกที่เราขอแนะนำมากที่สุด เพราะเป็นแบรนด์ดัง มีมาตรฐาน จุดเด่นของตัวนี้คือหัววาวล์แบบใหม่จากรุ่นเดิมที่จะทำให้ได้ครีม่าและกาแฟเยอะมากยิ่งขึ้น
นอกจากจะเอาไว้ใช้งานที่บ้านแล้วมันยังพกพาไปยังสถานที่ต่างๆกับคุณได้เนื่องจากมันทำมาจากอลูมิเนียม ขนาดเล็ก แต่ต้องใช้กับแหล่งกำเนิดความร้อนอย่างเตาแก๊ส เตาไฟฟ้า เตาเซรามิกเท่านั้น โดยใช้เวลาประมาณ 6-7 น. จึงจะได้กาแฟเอสเพรสโซ่สุดเข้มข้น
เหมาะกับ: ผู้ที่ชอบกื่มกาแฟเอสเพรสโซ่เข้มข้นแบบมีครีม่าเยอะ พกพาได้ จัดเก็บสะดวก มีไลฟ์สไตล์ไม่เร่งรีบ
- ได้กาแฟเอสเพรสโซ่อย่างแท้จริง
- ชงได้หลายแก้ว
- ใช้งานง่าย
- ใช้กับเตาแก๊ส เตาไฟฟ้าและเตาเซรามิกได้
- ไม่สามารถใช้กับเตาแม่เหล็กไฟฟ้า
- ใช้เวลาทำงานค่อนข้างนาน
4.Philips รุ่น LatteGO Full Automatic Espresso Machine 5400 Series
ขนาด: 24.6×37.2×43.3 ซม.
แรงดันน้ำ: 15 บาร์
ความจุของถังน้ำ: 1,800 มล.
ความจุของถังนม: 260 มล.
ความจุของโถใส่เมล็ดกาแฟ: 275 ก.
Philips LatteGO ซีรีย์ 5400 เป็นเครื่องชงกาแฟอัตโนมัติที่น่าใช้งานมากๆเลยค่ะ เนื่องจากมีฟังก์ชั่นการใช้งานครบครันสำหรับใช้งานที่บ้านกับครอบครัว โดยเฉพาะครอบครัวขนาดใหญ่ที่มีจำนวนสมาชิกเยอะ ต้องการเมนูเครื่องดื่มที่ตอบโจทย์ครอบคลุมแทบทุกเมนู เน้นความสะดวกรวดเร็วแต่ยังสามารถเลือกการตั้งค่าเฉพาะบุคคลได้ เจ้าเครื่องนี้ยังมีฟังก์ชั่นบันทึกเครื่องดื่มบุคคลได้ ทำให้มันตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ในปัจจุบันมากๆค่ะ
การใช้งานก็ไม่ได้ยากอย่างที่คิด เพียงแค่กดเลือกผ่านหน้าจอระบบสัมผัสที่มีรูปโปรแกรมการใช้งานรวมถึงเมนูเครื่องดื่มทั้งร้อนและเย็นให้เลือกมากถึง 12 เมนู แล้วยังเลือกการปรับตั้งค่าอย่างความเข้มของกาแฟ, ระดับน้ำ,เพิ่มช็อตและเพิ่มปริมาณนม
แน่นอนว่าเครื่องชงกาแฟระบบอัตโนมัติมาพร้อมกับโถจุเมล็ดกาแฟ สามารถบดกาแฟในตัว ทำให้ช่วยลดต้นทุนในการซื้ออุปกรณ์เสริมอื่นๆ ขอเพียงแค่กาแฟเมล็ดดีๆ เท่านั้นคุณก็จะได้กาแฟที่อร่อยแน่นอน ถึงแม้อาจไม่ดีเท่ากับเครื่องชงเอสเพรสโซ่แต่ด้วยเรื่องระบบการใช้งาน ก็สะดวกกว่าเห็นๆ
เครื่องชงกาแฟระบบอัตโนมัติของ Philips รุ่นนี้ถูกออกแบบมาให้มีระบบการทำความสะอาดที่ง่าย ถาดรองน้ำและกล่อง LatteGo ใส่นม สามารถนำเข้ากับเครื่องล้างจานได้ มันยังมีระบบล้างทำความสะอาดอัตโนมัติให้เลือกใช้งานมากมายด้วย
เหมาะกับ: ครอบครัวขนาดใหญ่ เน้นความสะดวกรวดเร็วและการใช้งานอย่างเต็มรูปแบบ
- เครื่องชงกาแฟอัตโนมัติ ขนาดกระทัดรัด
- ทำกาแฟและเมนูร้อนเย็นได้หลากหลาย
- ใช้งานผ่านหน้าจอระบบสัมผัส
- ใช้งานง่าย สะดวก
- สตีมฟองนมได้
- มีโถจุเมล็ดกาแฟ
- มีโถจุนม
- บดกาแฟได้ในตัว
- สามารถเลือกการตั้งค่าตามความชอบเฉพาะบุคคลได้
- มีระบบล้างทำความสะอาดอัตโนมัติ
- ราคาสูง
- ทำงานเสียงดัง
- โฟมนมตีไม่เนียนเท่าไหร่
5.Electrolux รุ่น E5CM1-80ST
ขนาด: 17.4×24.7×33.8 ซม.
ความจุของเหยือกแก้ว: 1,250 มล.
เครื่องชงกาแฟดริปไฟฟ้า เป็นอีกหนึ่งในเครื่องชงกาแฟยี่ห้อไหนดีที่ขอแนะนำหากคุณเน้นดื่มกาแฟดำ และยังได้ปริมาณเยอะเหยือกหนึ่งได้กาแฟร้อนมากถึง 10 แก้วเพียงพอต่อการใช้งานภายในครัวเรือนแน่นอนค่ะ และมันยังมีราคาประหยัดกว่าเมื่อเทียบกับเครื่องชงกาแฟแบบอื่นอีกด้วย
โดย Electrolux รุ่น E5CM1-80ST เป็นตัวเลือกที่น่าใช้งานมากๆ เพราะเป็นแบรนด์คุณภาพที่น่าเชื่อถือ มันยังมีฟังก์ชั่นให้เลือกใช้งานอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นฟังก์ชั่นการตั้งเวลาล่วงหน้า 24 ชม. ช่วยทำให้คุณมีกาแฟพร้อมดื่มตลอดเวลาไม่ว่าจะยุ่งแค่ไหน
มีฟังก์ชั่นเพิ่มความเข้มข้นของกาแฟเอาใจสายรักกาแฟเข้มโดยเฉพาะ อีกทั้งยังมีระบบรักษาอุณหภูมิที่เหมาะสม ช่วยให้เครื่องดื่มของคุณอุ่นตลอดนานถึง 40 น.จากนั้นมันนจะปิดอัตโนมัติ ที่สำคัญมันยังมีระบบแจ้งเตือนการทำความสะอาดคราบตะกรัน นับได้ว่าเจ้า E5CM1-80ST ตัวนี้คุ้มค่าตอบโจทย์การใช้งานทั่วไปได้ดีเลยทีเดียวค่ะ
เหมาะกับ: ครอบครัวขนาดใหญ่หรือสำหรับคนที่เน้นปริมาณและการคงรสชาติพร้อมดื่มตลอดเวลาในงบที่ไม่แพง
- ขนาดกระทัดรัด
- ได้ปริมาณมาก
- ใช้เวลาทำงานน้อย
- รักษาอุณหภูมิที่เหมาะสม
- มีปุ่มอโรม่า
- ตั้งเวลาล่วงหน้าได้
- มีระบบทำความสะอาด
- กรวยกรองล้างทำความสะอาดได้
- ไม่สามารถปรับค่าเฉพาะส่วนบุคคลได้
- ไม่มีสตีมนม
6.Nespresso รุ่น Pixie
ขนาด: 11.1×32.6×23.5 ซม.
แรงดันน้ำ: 19 บาร์
ความจุของถังน้ำ: 700 มล.
Nespresso Pixie เป็นเครื่องชงกาแฟแคปซูลยอดนิยมแบบเบสิคๆ ที่ขอแนะนำสำหรับผู้ที่ต้องการชงกาแฟเอสเพรสโซ่และกาแฟลุงโก้โดยเฉพาะ ด้วยแรงดันน้ำ 19 บาร์จะช่วยชงกาแฟได้รสชาติที่หอม เข้มข้นและได้ครีม่าหนาๆ ประกอบการใช้งานที่เรียบง่าย
เพียงแค่กดปุ่มเลือกประเภทกาแฟที่ต้องการชง(ลุงโก้หรือเอสเพรสโซ่) แล้วใส่แคปซูลลงไปในช่อง ปิดฝาแล้วกดปุ่มซำ้เพื่อทำงาน เพียงเท่านี้คุณก็จะได้กาแฟดำอร่อยๆดื่มภายในเวลาไม่ถึงนาที นับว่าเป็นตัวเลือกที่ดีเลยค่ะถ้าหากคุณมีเวลาจำกัด จากนั้นแคปซูลจะถูกเก็บไปยังกล่องทิ้งที่ด้านหลังถอดออกเพื่อทิ้งได้สะดวก หากไม่ใช้งานภายใน 9 น.เครื่องจะทำการหยุดทำงานอัตโนมัติเพื่อช่วยประหยัดพลังงาน
เหมาะกับ: ผู้ที่มองหาเครื่องชงกาแฟแคปซูลแบบเบสิค เน้นความรวดเร็วไม่เลอะเปื้อน และชื่นชอบกาแฟเอสเพรสโซ่และกาแฟลุงโก้เป็นพิเศษ
- ขนาดกระทัดรัด ใช้งานง่าย
- ใช้เวลาทำงานรวดเร็ว
- มีระบบตัดการทำงานอัตโนมัติ
- มีกล่องทิ้งแคปซูล
- ราคาค่อนข้างสูง
- ไม่สามารถเลือกการตั้งค่าส่วนบุคคลได้
- ไม่มีสตีมนม
7.Boncafe รุ่น SB-CM6632
ขนาด: –
ความจุของเหยือกแก้ว: 600 มล.
เครื่องชงกาแฟยี่ห้อไหนดีตัวต่อมา เน้นการใช้งานที่ง่ายและได้ปริมาณเยอะต่อการชง 1 ครั้ง หม้อต้มกาแฟจาก Boncafe รุ่น SB-CM6632 เป็นตัวเลือกที่แนะนำ เหมาะกับการใช้งานที่บ้านกับครอบครัว เพราะสามารถใช้ดื่มสำหรับ 4-6 แก้ว เมื่อปิดเครื่องกาต้มกาแฟยังจะอุ่นกาแฟให้ 10 น.
เหมาะกับ: ผู้ที่ต้องการชงกาแฟดำพร้อมดื่มในปริมาณเยอะ
- ขนาดกระทัดรัด
- ได้ปริมาณมาก
- ใช้เวลาทำงานน้อย
- รักษาอุณหภูมิที่เหมาะสม
- ไม่สามารถปรับค่าเฉพาะส่วนบุคคลได้
- ไม่มีสตีมนม
8.Bialetti รุ่น Venus
ขนาด: 11×13.5×21 ซม.
ความจุ: 6 ถ้วยหรือ 235 มล.
หม้อต้มกาแฟดำสุดคลาสิคจาก Bialetti รุ่น Venus มีรูปทรงคล้ายกับกาต้มน้ำทำจากสแตนเลส เป็นอีกหนึ่งตัวที่น่าสนใจหากคุณต้องการหม้อต้มกาแฟที่ใช้งานแบบคลาสสิค เพื่อใช้งานกับเตาที่หลากหลายไม่ว่าจะเป็นเตาแก๊ส เตาไฟฟ้า เตาเซรามิกหรือเตาอินดักชั่น
ให้กาแฟปริมาณมากสำหรับครอบครัว แต่กาแฟที่ได้จะมีตัวครีม่าไม่มากเท่ากับแบรนด์เดียวกันที่ได้แนะนำไปก่อนหน้า แต่ก็ตอบโจทย์ในการชงกาแฟทานที่บ้านที่ยังให้รสชาติเข้มเข้นหรือเอาไปผสมนมเพื่อทำเมนูได้ตามความชอบส่วนตัว
เหมาะกับ: ผู้ที่ชอบกาแฟดำ เน้นใช้งานเบสิคและสามารถชงปริมาณเยอะ ที่สำคัญคือไม่รีบร้อน
- ได้กาแฟดำรสชาติเข้มข้น
- ชงได้หลายแก้ว
- ใช้งานง่าย
- ใช้กับเตาได้หลากหลายประเภท
- ใช้เวลาทำงานค่อนข้างนาน
- ครีม่าน้อย
9.Duchess รุ่น CM4200
ขนาด: 16x28x20 ซม.
แรงดันน้ำ: 15 บาร์
ความจุของถังน้ำ: 1,500 ล.
เครื่องชงกาแฟเอสเพรสโซ่อีกรุ่นจาก Duchess ที่น่าใช้งาน ตอบโจทย์กับการชงกาแฟที่บ้าน เพราะสามารถชงกาแฟได้รสชาติเข้มข้น กาแฟเอสเพรสโซ่ให้ครีม่าเป็นชั้นที่สวยงาม นำไปทำเมนูกาแฟร้อนและเย็นได้จบที่เครื่องเดียว รุ่นนี้มีลักษณะการใช้งานไม่ต่างกับรุ่นก่อนหน้าที่เราได้รีวิวไป
คุณสามารถใช้งานได้ง่ายผ่านการสังเกตุรูปประกอบบนตัวเครื่อง จุดที่แตกต่างดูเหมือนจะเป็นดีไซน์ที่มีความคลาสสิคมากกว่า โดยมันมีหน้าปัดบอกอุณหภูมิที่เหมาะสมสำหรับการใช้งานแต่ละประเภท ได้แก่การชงกาแฟ การสตีมนม และน้ำร้อน
เหมาะกับ: ผู้ที่กำลังมองหาเครื่องชงกาแฟเอสเพรสโซ่ ขนาดเล็กไว้ใช้งานที่บ้าน ราคาไม่แพง สามารถสตีมนมและทำเมนูร้อนอื่นๆได้
- เครื่องชงกาแฟเอสเพรสโซ่เบสิค
- สตีมนมได้
- ใช้งานง่าย ขั้นตอนน้อย ผ่านปุ่มกดและปุ่มหมุน
- ขนาดเล็กกระทัดรัด
- มีหน้าปัดบอกอุณหภูมิ
- ไม่มีฟังก์ชั่นให้เลือกในการใช้งานมาก
- ไม่สามารถชงกาแฟและสตีมนมได้พร้อมกัน
10.ULKA รุ่น S72 Home
ขนาด: 24×33.5×44 ซม.
แรงดันน้ำ: 19 บาร์
ความจุของถังน้ำ: 1,700 มล.
ความจุของถังนม: ล.
ความจุของโถใส่เมล็ดกาแฟ: 250 ก.
เครื่องชงกาแฟแบบอัตโนมัติสุดไฮเทคจาก Ulka ที่ถูกสร้างขึ้นมาให้เหมาะกับการใช้งานภายในบ้านแต่การใช้งานคุณภาพอร่อยเหมือนใช้เครื่องชงเอสเพรสโซ่ ใช้งานง่าย สะดวก ตอบโจทย์คนยุคใหม่ที่ต้องการกาแฟอร่อยโดยไม่ต้องต่อคิวซื้อที่ร้านทุกเช้า
เครื่องชงกาแฟประเภทนี้จะมีราคาค่อนข้างสูงกว่าแบบอื่นๆ แต่เนื่องจากเขาอำนวยความสะดวกสบายมาก จึงแทบจะไม่ต้องทำอะไรเลย เพียงแค่กดปุ่มสั่งกาแฟที่ต้องการผ่านหน้าจอสัมผัส LED เพียง 1 ปุ่มคุณก็จะได้กาแฟตามที่ต้องการแล้ว กดเลือกปรับเปลี่ยนการตั้งค่ายิบย่อยได้ อย่างเช่น ระดับความละเอียดของเมล็ดกาแฟ ปริมาณนม หรือกาแฟที่ต้องการ จะทำให้ได้กาแฟที่มีรสชาติถูกใจมากที่สุดโดยวิธีที่ง่ายที่สุดนั่นเองค่ะ
ท่อสตรีมฟองนม ไม่มีกล่องใส่นมมาให้ ข้อดีของมันคือช่วยหมดกังวลว่านมจะบูดตอนไหน เพียงแค่ต่อสายกับขวดนมเครื่องก็ทำงานแล้ว ที่เด็ดคือฟองนมละเอียดนุ่ม ทางแบรนด์เคลมว่าสามารถทำลาเต้อาร์ตได้ ตัวหัวชง หัวสตีมนม และหัวน้ำร้อนทำงานแยกอิสระต่อกัน จึงสามารถใช้งานได้อย่างไม่ต้องกังวล อีกทั้งมีระบบแจ้งเตือนหากกากกาแฟเต็ม
เหมาะกับ: คนที่ต้องการเมนูกาแฟดื่มที่หลากหลาย ไม่ต้องลงแรงมาก เน้นตีฟองนมเนียนและมีงบถึง
- ทำกาแฟและเมนูร้อนเย็นได้หลากหลาย
- ใช้งานผ่านหน้าจอระบบสัมผัส
- ใช้งานง่าย สะดวก
- สตีมฟองนมได้ละเอียด
- มีโถจุเมล็ดกาแฟ
- มีโถจุนม
- บดกาแฟได้ในตัว
- สามารถเลือกการตั้งค่าตามความชอบเฉพาะบุคคลได้
- หัวจ่ายทำงานอิสระ
- ไม่มีถังเก็บนม
- ราคาสูง
เครื่องชงกาแฟแบบไหนดีสำหรับใช้ที่บ้าน
แน่นอนว่าหลายๆคนที่กำลังอ่านถึงจุดนี้กำลังมองหาเครื่องชงกาแฟอัตโนมัติหรือเครื่องชงกาแฟไฟฟ้าไว้ที่บ้านไม่ว่าจะสำหรับคนเดียวหรือหลายคน การมีเครื่องชงกาแฟไว้ติดบ้านสักเครื่องก็ช่วยอำนวยความสะดวกให้คุณได้อย่างดีและมันยังช่วยลดค่าใช้จ่ายได้อีกเพียบเมื่อเทียบกับซื้อกาแฟจากคาเฟ่ในทุกๆวัน
เครื่องชงกาแฟไฟฟ้ามีหลากหลายประเภทให้เลือกซื้อ ซึ่งแต่ละแบบก็มีจุดเด่นที่แตกต่างกันออกไป ถ้ายังไม่มีเครื่องชงกาแฟในใจ ลองดูประเภทเครื่องชงกาแฟข้างล่างนี้เพื่อเป็นไอเดียในการตัดสินใจเลือกซื้อเครื่องชงกาแฟยี่ห้อไหนดี ไว้ติดบ้านกันก่อนได้นะ
เครื่องชงกาแฟเอสเพรสโซ่ (Espresso Machine)
การชงกาแฟจากเครื่องชงประเภทนี้จะต้องพิถีพิถันและใส่ใจในกระบวนการทำงานเป็นอย่างมากจึงจะได้กาแฟที่มีรสชาติแม่นยำ เพราะคุณจะเป็นผู้กำหนดทิศทางเอง ตั้งแต่การบดเมล็ดกาแฟ การอัดกาแฟในถ้วยกรองกาแฟ ไปจนถึงการเลือกอุณหภูมิที่เหมาะสม
ดังนั้นหากคุณต้องการซื้อเครื่องชงกาแฟ Espresso ไว้ติดบ้าน ต้องมั่นใจว่าคุณไม่รีบและต้องการพิถีพิถัน สนุกไปกับการชงกาแฟหลากหลายสไตล์ ผลลัพทธ์คือคุณจะได้ดื่มด่ำกับรสชาติของเอสเปรสโซ่ถึงขั้นสุด
และยังเข้าถึงการชงกาแฟที่หลากหลายทั้งอเมริกาโน่ ลาเต้ มอคค่า และคาปูชิโน่จึงตอบโจทย์กับทุกคนในครอบครัว เครื่องชงกาแฟเอสเพรสโซ่ดีๆมักมีราคาสูง แต่แน่นอนว่ามันจะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาวได้เยอะมากเลยทีเดียวค่ะ
ข้อดี:
- ได้กาแฟสดคุณภาพและมีเอกลักษณ์
- ปรับการตั้งค่าได้ตามความต้องการส่วนบุคคล
- ได้กาแฟที่มีรสชาติแม่นยำเมื่อเริ่มมีประสบการณ์ในการทำ
- มีระบบสตีมนม
ข้อเสีย:
- ราคาสูง
- มีขั้นตอนการทำมีรายละเอียดเยอะ
- รสชาติของกาแฟขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยรวมไปถึงคนทำด้วย
- ต้องดูแลรักษาและทำความสะอาดเป็นประจำ
- เสียงการทำงานดัง
เครื่องชงกาแฟแคปซูล (Capsule Machine)
เครื่องชงกาแฟแบบแคปซูลเป็นเครื่องชงกาแฟที่ทำงานควบคู่กับกาแฟสำเร็จรูปที่ถูกบรรจุมาในถ้วยเล็กๆหรือเรียกว่า “กาแฟแคปซูล” ใช้งานง่ายและรวดเร็วจึงทำให้มันเป็นที่นิยม เพียงแค่นำตัวแคปซูลใส่เข้าไปในเครื่อง เติมน้ำในแท้งค์น้ำแล้วกดปุ่มทำงานเพียงเท่านี้คุณก็จะได้กาแฟพร้อมดื่มแล้ว หลายรุ่นยังมีฟังก์ชั่นการใช้งานในการเลือกระดับความเข้มของกาแฟได้อีกด้วย
กาแฟแคปซูลมีหลายประเภทแต่ขึ้นอยู่กับรุ่นนั้นว่ารองรับกาแฟอะไรบ้าง หลักๆเลยคือกาแฟเอสเปรสโซ่ ซึ่งเป็นกาแฟพื้นฐานในกาแฟอื่นๆ ทำให้คุณสามารถเลือกรังสรรค์เมนูโปรดของคุณได้สบายๆ ไม่ว่าจะเป็น อเมริกาโน่ ลาเต้ หรือมอคค่า หลายยี่ห้อได้ผลิตออกเป็นแคปซูลสูตรเอกลักษณ์ที่แตกต่างกันขึ้นอยู่กับวัตถุดิบและการผลิต มากไปกว่านั้นยังมีกาแฟดีคราฟแคปซูลสำหรับผู้ที่ไม่ต้องการคาเฟอีนให้เลือกซื้อ
สรุปแล้วเครื่องชงกาแฟแคปซูลเหมาะกับคนที่ต้องการเครื่องชงกาแฟยี่ห้อไหนดีที่ใช้งานง่าย สะดวกรวดเร็ว และสามารถทำกาแฟได้หลายแบบ จึงตอบโจทย์กับทุกคนในครอบครัวที่ชอบดื่มกาแฟแตกต่างกัน
ข้อดี:
- ได้กาแฟที่มีรสชาติแม่นยำ
- สะดวกรวดเร็ว
- สามารถทำกาแฟที่หลายประเภทและมีตัวเลือกเยอะ
- ขนาดกระทัดรัด
- ดูแลรักษาง่าย
ข้อเสีย:
- สิ้นเปลืองทรัพยากร
- ไม่สามารถกำหนดการตั้งค่าเฉพาะเองได้
- ราคาสูง
เครื่องชงกาแฟแบบหยดหรือแบบดริป (Filter Coffee Machine)
เครื่องชงกาแฟแบบดริปไฟฟ้าเป็นการนำผงกาแฟที่ถูกบดแล้วมากรองผ่านแผ่นกระดาษหรือโลหะฟิลเตอร์ จากนั้นเติมน้ำในถัง กดปุ่มทำงาน แล้วน้ำร้อนจะไหลผ่านสกัดกรองได้เป็นกาแฟดำออกมาในเหยือกหรือหม้อหรือจะเติมนมเพื่อทำเมนูอื่นอย่างลาเต้ก็ทำได้เหมือนกัน ทั้งนี้รสชาติของกาแฟมักจะขึ้นอยู่กับเมล็ดกาแฟและขนาดการบดที่เราใส่ไปด้วย
เครื่องชงกาแฟประเภทนี้ใช้งานค่อนข้างง่าย บางรุ่นยังมีฟังก์ชั่นการทำงานที่เพิ่มขึ้นมาเพื่อให้ความสะดวกแก่ผู้ใช้งานและยังให้ปริมาณกาแฟที่เยอะต่อการชงหนึ่งครั้งจึงตอบโจทย์กับการใช้งานที่บ้านกับครอบครัวขนาดใหญ่ มันยังมีราคาไม่แพงมากเมื่อเทียบกับเครื่องชงกาแฟแบบอื่น
ข้อดี:
- ได้กาแฟที่มีรสชาติแม่นยำ
- สะดวก
- ได้ปริมาณเยอะ
- ขนาดกระทัดรัด
- ดูแลรักษาง่าย
ข้อเสีย:
- ไม่สามารถกำหนดการตั้งค่าเฉพาะเองได้
- อาจใช้เวลานาน
เครื่องชงกาแฟแบบอัตโนมัติ (Fully Automatic Coffee Machine)
เครื่องชงกาแฟอัตโนมัติถูกโปรแกรมให้มีฟังก์ชั่นการทำงานอัตโนมัติไว้เรียบร้อย เลือกปรับตั้งค่าได้ง่าย โดยไม่จำเป็นต้องพิถีพิถันใช้งานเหมือนกับเครื่องชงกาแฟเอสเพรซโซ่ เพียงแค่ใส่น้ำและนมลงถังจากนั้นกดปุ่มทำงาน เท่านี้คุณก็จะได้กาแฟดื่มสมใจ
มันสามารถทำกาแฟได้หลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นเอสเพรสโซ่ อเมริกาโน่ ลาเต้ คาปูชิโน่ มอคค่าและอีกมากมาย บ้านไหนต้องการความสะดวกสบาย เน้นทำกาแฟได้หลากหลายประเภทที่ให้ความอร่อยเข้มข้นเหมือนเครื่องชงกาแฟเอสเพรสโซ่แต่ไม่ต้องลงแรงมาก
ข้อดี:
- ได้กาแฟสดคุณภาพและมีเอกลักษณ์
- ได้กาแฟที่มีรสชาติแม่นยำ
- สะดวกรวดเร็ว
- ปรับการตั้งค่าได้ตามความต้องการส่วนบุคคล
- มีระบบตีฟองนมอัตโนมัติ
ข้อเสีย:
- ราคาค่อนข้างสูง
- ต้องดูแลรักษาและทำความสะอาดเป็นประจำ
หม้อต้มกาแฟมอคค่าพอท (Moka Pot)
หม้อต้มกาแฟมอคค่า ทำงานคล้ายคลึงกับหม้อต้มแบบเพอโคเรเตอร์ โดยการใส่กาแฟบดละเอียดลงในช่องใส่กาแฟ จากนั้นกรอกน้ำลงก้นหม้อ(สำหรับเติมน้ำ) แล้วเอาไปใช้งานร่วมกับเตาหลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็น เตาอินดักชั่น เตาแก๊ส เตาไฟฟ้า
กาแฟที่ได้จะมีรสชาติเข้มข้น จากนั้นก็นำไปผสมนมเพื่อทำเมนูกาแฟแบบอื่นได้ โดยหม้อต้มแบบมอคค่าพอดจะเหมาะกับการใช้งานเล็กๆมากกว่าเมื่อเทียบกับม้อต้มแบบเพอโคเรอเตอร์ มอคค่าพอดนี้เหมาะกับผู้ชื่นชอบกาแฟรสเข้ม ใช้งานง่าย ขนาดเล็กกระทัดรัด พกพาสะดวก
ข้อดี:
- ได้กาแฟรสชาติเข้มข้น
- พกพาได้
- ขนาดกระทัดรัด
- ดูแลรักษาง่าย
ข้อเสีย:
- ไม่สามารถกำหนดการตั้งค่าเฉพาะเองได้
- อาจได้กาแฟขม